นายกฯนั่งหัวโต๊ะเวิร์คชอปท่องเที่ยวเดินหน้านโยบายสร้างรายได้2ล้านล้านในปี58
 


นายกฯนั่งหัวโต๊ะเวิร์คชอปท่องเที่ยวเดินหน้านโยบายสร้างรายได้2ล้านล้านในปี58


นายกฯนั่งหัวโต๊ะเวิร์คชอปท่องเที่ยวเดินหน้านโยบายสร้างรายได้2ล้านล้านในปี58
mavikthumbnails/thumbnails/250x149-images-stories-article2013-2862-aaarrr20.jpg">นายกรัฐมนตรีเป็นประธานประชุมเวิร์คชอปขับเคลื่อนนโยบายสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว 2 ล้านล้านบาท ภายในปี 2558 ครั้งที่ 1/56

ติดตามความคืบหน้าแผนการดำเนินงานด้านการท่องเที่ยว ย้ำการบูรณาการการทำงานร่วมกันคือเป้าหมายการทำงานของรัฐบาล ระบุมั่นใจจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในไทยปี 56 เป็นไปตามเป้าหมายที่ 26 ล้านคน

วันนี้ (17 ก.ค.56) เวลา 14.25 น. ณ ห้องสีเขียว ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อขับเคลื่อนนโยบายสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว 2 ล้านล้านบาท ภายในปี 2558 ครั้งที่ 1/2556 โดยมีนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายยุคล ลิ้มแหลมทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายสมศักย์ ภูรีศรีศักดิ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และผู้ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมการประชุม

ภายหลังการประชุม นายภักดีหาญส์ หิมะทองคำ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยถึงผลการประชุมสรุปสาระสำคัญว่า นายกรัฐมนตรีกล่าวมอบนโยบายต่อที่ประชุมตอนหนึ่งว่า การประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อขับเคลื่อนนโยบายสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว 2 ล้านล้านบาท ได้มีการประชุมมาอย่างต่อเนื่องเพื่อติดตามแผนการดำเนินงานด้านการท่องเที่ยวที่มีความคืบหน้าในหลายด้าน ซึ่งต้องขอบคุณผู้ที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาที่เป็นแม่งานหลักทำงานร่วมกับภาคเอกชน ทั้งนี้ จะเห็นว่าการขับเคลื่อนนโยบายด้านการท่องเที่ยวให้สร้างรายได้ 2 ล้านล้านบาทในปี 2558 นั้นถ้าดูจากจำนวนนักท่องเที่ยวเดือนมิถุนายนปีนี้ที่มีตัวเลขอยู่ที่ 12.7 ล้านคนแล้ว ก็คาดว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้เดิมที่ 26 ล้านคนจะสามารถทำได้เหมือนเดิม

โดยเป้าหมายการทำงานของรัฐบาลต้องการเห็นการบูรณาการการทำงานร่วมกัน ตั้งแต่การบูรณาการยุทธศาสตร์ด้านการท่องเที่ยว เพราะการท่องเที่ยวเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างเสริมความสัมพันธ์ระหว่างนักท่องเที่ยวกับคนไทย ขณะเดียวกันการท่องเที่ยวยังช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้อง เช่น ธุรกิจสปา โอทอป ร้านอาหาร ดังนั้น ต้องร่วมกันหารือถึงแนวทางให้การท่องเที่ยวเป็นแม่งานหลักในการบูรณาการให้เกิดการขับเคลื่อนของเศรษฐกิจภาพรวม

นอกจากนี้ ขอให้มีการมองยุทธศาสตร์กลุ่มจังหวัดมาประกอบ ให้เป็นลักษณะของคลัสเตอร์ ว่าจังหวัดใดเป็นกลุ่มคลัสเตอร์ใดที่จะเชื่อมโยงการท่องเที่ยวในด้านต่าง ๆ เช่น การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม หรือการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ เป็นต้น พร้อมกับขอให้คำนึงถึงแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานรวมทั้งโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาท และแผนการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาทด้วย ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้ฝากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬากับกระทรวงคมนาคมหารือร่วมกับทางการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย สายการบินโลว์คอสต์แอร์ไลน์ หรือ Local แอร์ไลน์ และภาคเอกชน ในการบูรณาการเชื่อมโยงการท่องเที่ยวในจุดเมืองมรดกโลก เช่น สุโขทัย กำแพงเพชร อุตรดิตถ์ ที่ยังไม่ได้ใช้การเชื่อมโยงในด้านของภูมิภาคเข้ามาช่วยส่งเสริมด้านการท่องเที่ยว จึงควรได้มีการหารือเกี่ยวกับการเชื่อมโยง HUB ของภูมิภาคเข้ากับ HUB ของ International เพราะเรายังมีศักยภาพในสนามบินภูมิภาคอยู่มาก

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า ที่ประชุมรับทราบความก้าวหน้าของการดำเนินงานในปี 2556 เพื่อขับเคลื่อนนโยบายสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว 2 ล้านล้านบาท ในปี 2558 ที่มีแผนงาน/โครงการและงบประมาณ ในปี 2556 ประกอบด้วย 6 ยุทธศาสตร์ คือ 1. ยุทธศาสตร์ด้าน marketing ในปี 2556 การดำเนินงานตลาดต่างประเทศ รวม 4 โครงการ ดำเนินการได้ 3 โครงการตาม scale งบปกติ ประกอบด้วย โครงการ Quick Win โครงการ Marketing Build –up และ โครงการสร้างสรรค์กิจกรรม ขณะที่การดำเนินงานตลาดในประเทศ รวม 8 โครงการ ดำเนินการได้ 4 โครงการ คือ โครงการหลงรักประเทศไทย โครงการเที่ยวเมืองไทย 5 ภาค ดำเนินการได้ 4 ภาค โครงการมหัศจรรย์วันธรรมดาน่าเที่ยว และโครงการเที่ยว 12 เดือนสุขใจให้พลังชีวิต 2. ยุทธศาสตร์ด้าน Tourism Attractions ในปี 2556 3. ยุทธศาสตร์ด้าน Logistics ในปี 2556

4. ยุทธศาสตร์ด้านความเชื่อมั่น ในปี 2556 ประกอบด้วย การแก้ไขปัญหาแท็กซี่ป้ายดำ การแก้ไขปัญหาเจ็ทสกี การจัดตั้งศูนย์อำนวยการช่วยเหลือนักท่องเที่ยว การเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานของตำรวจท่องเที่ยว 5. ยุทธศาสตร์ด้านการอำนวยความสะดวก ในปี 2556 ที่มีผลการดำเนินงานสำคัญได้แก่ การแก้ไขปัญหาและการให้บริการในสนามบินสุวรรณภูมิ ในการจัดทำระบบช่องตรวจหนังสือเดินทางอัตโนมัติ มีผู้ใช้บริการวันละประมาณ 7,000-8,000 คน สามารถลดขั้นตอนการให้บริการรวดเร็วขึ้นถึงร้อยละ 50 และการจัดทำ E-Visa ในสถานทูต/สถานกงสุลไทย และจะดำเนินการได้ครอบคลุมสถานทูตฯ ทั่วโลกประมาณปี 2558 6. ยุทธศาสตร์ด้านสินค้าและบริการ ในปี 2556 ที่มีผลการดำเนินงานการทบทวนหลักเกณฑ์การขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรม และการเข้มงวดกับสถานประกอบการ โดยการแก้ไขหลักเกณฑ์การขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรม และการแก้ไขปัญหาสถานประกอบการที่ไม่มีใบอนุญาตโรงแรม Service Apartment ให้ดำเนินการถูกต้องตามกฎหมาย

 
 

 

// //

Copyright (c) 2010 munjeed.com All rights reserved.