กระทรวงสาธารณสุข จัดกิจกรรมรณรงค์วันงดดื่มสุราแห่งชาติ ประจำปี 2556ภายใต้แนวคิด “ทำดีถวายในหลวง” งดดื่มสุราช่วงเข้าพรรษาตลอด 3เดือน เพื่อส่งเสริมให้คนไทย งด ลด ละ ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทำความดีถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในปีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 86พรรษา
นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงานและประกาศคำขวัญวันงดดื่มสุราแห่งชาติ ประจำปี 2556 "สังคมวิกฤต ชีวิตสับสน ครอบครัวทุกข์ทน เพราะภัยสุรา" พร้อมกล่าวนำปฏิญาณตนงดดื่มสุรา ทำความดีถวายในหลวง ร่วมกับ นายแพทย์นิทัศน์ รายยวา รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์นพพร ชื่นกลิ่น รองอธิบดีกรมควบคุมโรค พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย ผู้แทนจาก 5ศาสนา ผู้แทน 20กระทรวง 6สำนักบริหารกลาง ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด ผู้แทนเหล่าทัพ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผู้แทนกรุงเทพมหานคร สมาคมองค์การบริหารส่วนจังหวัดแห่งประเทศไทย สมาคมสันติบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย สมาคมองค์การบริหารส่วนตำบลแห่งประเทศไทย สมาคมกำนันผู้ใหญ่บ้านแห่งประเทศไทย และสมาคม องค์กรต่าง ๆ
นายแพทย์ นิทัศน์ รายยวา รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า จากมติคณะรัฐมนตรีเมื่อปี 2551ได้กำหนดให้วันเข้าพรรษา เป็นวันงดดื่มสุราแห่งชาติ ในปีนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ 23กรกฎาคม ซึ่งเป็นปีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 86พรรษา และในโอกาสฉลองพระชนมายุ 100ปี สมเด็จพระญาณสังวรณ์ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก ในปีนี้ กระทรวงสาธารณสุข ได้จัดทำโครงการรณรงค์งดดื่มสุราแห่งชาติ 2556ภายใต้แนวคิด “ทำความดีถวายในหลวง” เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยจากการประชุมของคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 9กรกฎาคมที่ผ่านมา ได้มีมติเห็นชอบประกาศให้เทศกาลเข้าพรรษา 3เดือน เป็นช่วงงดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยให้ทุกส่วนราชการ ตำรวจ ทหาร และสถานประกอบการ ร่วมสนับสนุนกิจกรรมนี้ รวมถึงให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด จัดพิธีลงนามปฏิญาณตนงดดื่มสุราในช่วงเข้าพรรษาโดยพร้อมเพรียงกัน เพื่อประชาสัมพันธ์โทษ พิษ ภัย และผลกระทบจากการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ส่งเสริมให้คนไทยงด ลด ละ ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างจริงจัง และทำความดีถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
จากการสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติ ในปี 2554 พบว่า ปริมาณการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของประชากรไทยโดยเฉลี่ยเป็น 52 ลิตรต่อคนต่อปี ซึ่งสูงกว่าปริมาณการบริโภคนมของประชากรไทย ซึ่งอยู่ที่ 14 ลิตรต่อคนต่อปี แต่ละปีประเทศไทยมีนักดื่มหน้าใหม่เพิ่มขึ้นประมาณ 2.5 แสนคน ส่วนใหญ่นักดื่มเหล่านี้ คือ กลุ่มเด็กและเยาวชน และนักดื่มในกลุ่มนี้ สัดส่วนของนักดื่มประจำเพิ่มสูงขึ้นถึงร้อยละ 70 ภายในระยะเวลา 3 ปี (2551 - 2553) ปัจจุบันคนไทยใช้เวลาโดยเฉลี่ยเพียง 4.5 นาที ในการเดินทางไปร้านขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เด็กและเยาวชนที่อายุต่ำกว่า 20 ปี ถึงร้อยละ 98.7 ยังสามารถซื้อหาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ด้วยตนเอง
