ภาษาไทยเป็นเอกลักษณ์ประจำชาติ เป็นสมบัติทางวัฒนธรรมอันก่อให้เกิดความเป็นเอกภาพและเสริมสร้างบุคลิกภาพของคนในชาติให้มีความเป็นไทย เป็นเครื่องมือในการติดต่อสื่อสาร เพื่อสร้างความเข้าใจ สร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน อย่างไรก็ตามภาษาไทยถึงแม้จะเป็นภาษาประจำชาติไทย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะสอนให้อ่านออกเขียนได้ โดยเฉพาะเด็กนักเรียนในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งใช้ภาษามลายูท้องถิ่นในการสื่อสารและชีวิตประจำวัน
นางนันทนา รัษฎาวงศ์ ครูชำนาญการพิเศษ โรงเรียนเทศบาล 2 วัดตานีนรสโมสร เขตเทศบาลเมืองจังหวัดปัตตานี มีประสบการณ์ในการสอนภาษาไทยเป็นเวลากว่า 10 ปี ได้รับความไว้วางใจแต่งตั้งเป็นหัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทยของโรงเรียน และหัวหน้าวิชาการประสานงานกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทยระดับเทศบาลเมืองปัตตานี เพราะมีความรู้ความสามารถถ่ายทอดความรู้ให้นักเรียนมีความเข้าใจสามารถพูด อ่าน เขียนและใช้ภาษาไทยได้ถูกต้อง นอกจากนี้ยังมีบทบาทเป็นบรรณารักษ์ห้องสมุดโรงเรียน โดยได้จัดกิจกรรมรักการอ่านให้แก่นักเรียนและคณะครูในโรงเรียนเพื่อส่งเสริมและปลูกฝังนิสัยรักการอ่าน สามารถนำความรู้ แนวคิดหรือประโยชน์ของการอ่านไปใช้ในการดำเนินชีวิต เพราะการอ่านเป็นพื้นฐานสำคัญของการเรียนรู้
ครูนันทนาย้ำว่า การเรียนวิชาภาษาไทยจะสนุกและไม่น่าเบื่อ เมื่อครูสอนอย่างมีเทคนิค ซึ่งภาษาไทยเป็นวิชาที่ต้องใช้ทักษะการฟัง พูด อ่านและเขียน ดังนั้นจึงจำเป็นต้องใช้วิธีการสอนที่หลากหลาย เพื่อให้นักเรียนเกิดความสนุก อยากรู้ อยากเรียน และให้นักเรียนได้ฝึกทักษะแบบซ้ำ ๆ เพื่อให้เกิดการเรียนรู้ที่มีความคงทนในการนำไปใช้
“เทคนิคในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนจะเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ให้นักเรียนทุกคนมีส่วนร่วม จัดกิจกรรมเพื่อสร้างบรรยากาศการเรียนให้น่าสนใจ จูงใจให้นักเรียนมีใจรักการเรียนภาษาไทย ได้แก่ กิจกรรมเพลงและเกม กิจกรรมเล่านิทาน กิจกรรมกลุ่ม กิจกรรมเรียนรู้นอกสถานที่ ศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง ซึ่งนักเรียนจะให้ความสนใจ เกิดความสนุกสนานเพลิดเพลินและให้ความร่วมมือในกิจกรรมที่จัดส่งผลให้การเรียนการสอนเกิดประสิทธิภาพ” ครูนันทนาให้รายละเอียด
สำหรับรางวัลครูภาษาไทยดีเด่น ครูนันทนา บอกว่า เป็นความภาคภูมิใจ ซึ่งเป็นผลตอบแทนที่เกิดจากความมุ่งมั่น ตั้งใจในการถ่ายทอดความรู้ให้แก่นักเรียนให้สามารถอ่านออกเขียนได้ กล้าพูด กล้าแสดงออก สามารถนำประสบการณ์ไปใช้ในการดำเนินชีวิตอยู่ในสังคมแบบพหุวัฒนธรรมได้อย่างมีความสุข เป็นที่ยอมรับของผู้ปกครองและชุมชน และเป็นสิ่งที่ท้าทายต่ออาชีพครูที่อยู่ท่ามกลางสถานการณ์ที่ไม่ปกติ และเป็นพื้นที่ที่มีความละเอียดอ่อน ทั้งด้านภาษา ศาสนา ประเพณี ศิลปวัฒนธรรม และชีวิตความเป็นอยู่ แต่เมื่ออยู่แล้ว ก็จะทำด้วยความตั้งใจ บริสุทธิ์ใจ และเพื่อลูกหลานพี่น้องประชาชนอย่างแท้จริง. ปาเรซ โลหะสัณห์