"จาตุรนต์"ดันการศึกษาเป็นวาระแห่งชาติ
 


"จาตุรนต์"ดันการศึกษาเป็นวาระแห่งชาติ



วันนี้(11ก.ค.)นายจาตุรนต์ ฉายแสง รมว.ศึกษาธิการ กล่าวในการแถลงนโยบายและการขับเคลื่อนงานด้านการศึกษาแก่ผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงศึกษาธิการ  ว่า  ตนจะประกาศให้ปีนี้เป็นปีแห่งการรวมพลังยกระดับคุณภาพการศึกษา  และการขับเคลื่อนงานการศึกษาให้เป็นวาระแห่งชาติ  เพื่อมุ่งพัฒนาผู้เรียนให้สามารถคิด วิเคราะห์ เรียนรู้ได้ด้วยตนเอง มีคุณลักษณะที่พึงประสงค์และทักษะที่จำเป็นสำหรับศตวรรษที่ 21 ภายในปี 2558 โดยมีเป้าหมายให้ผลการจัดอันดับการศึกษาไทย ผลการทดสอบ PISA ของไทยอยู่ในอันดับดีขึ้น สัดส่วนผู้เรียนอาชีวะและสายสามัญเพิ่มขึ้นเป็น 50:50 มหาวิทยาลัยไทยติดอับดับโลกมากขึ้น รวมทั้งกระจายโอกาสและเพิ่มความเสมอภาคทางการศึกษามากขึ้น พร้อมกับเน้นการส่งเสริมให้ภาคเอกชนที่มีศักยภาพเข้ามามีส่วนร่วมรับผิดชอบจัดและสนับสนุนการจัดการศึกษามากขึ้นด้วย

รมว.ศึกษาธิการ กล่าวต่อไปว่า  สำหรับนโยบายที่ต้องเร่งรัดดำเนินการตามนโยบายรัฐบาลและสานต่องานที่ทำไว้แล้ว 8 เรื่อง ประกอบด้วย 1.เร่งรัดปฎิรูปการเรียนรู้ทั้งระบบให้สัมพันธ์เชื่อมโยงกัน 2.ปฎิรูประบบผลิตพัฒนาครู 3.เร่งนำเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารมาใช้ในการปฎิรูปการเรียนรู้  4.พัฒนาคุณภาพการอาชีวศึกษาให้มีมาตรฐานเทียบได้กับระดับสากล 5.ส่งเสริมให้สถาบันอุดมศึกษาเร่งพัฒนาคุณภาพมาตรฐานมากกว่าการขยายเชิงปริมาณ 6.ส่งเสริมให้เอกชนและทุกภาคส่วนเข้ามาร่วมจัดและสนับสนุนการศึกษามากขึ้น 7.เพิ่มและกระจายโอกาสทางการศึกษาอย่างมีคุณภาพ และ8.ให้ความสำคัญกับการพัฒนาการศึกษาในจังหวัดชายแดนภาคใต้  นอกจากนี้สิ่งที่จะต้องดำเนินการขับเคลื่อนและเป็นกลไกสำคัญของการศึกษา คือ เร่งรัดจัดตั้งสถาบันเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา จัดตั้งสถาบันวิจัยหลักสูตรและพัฒนาการเรียนการสอน สร้างความเข้มแข็งให้แก่กลไกวัดผล ประเมินผล เร่งรัดให้มี พ.ร.บ.อุดมศึกษา เพื่อประกันความอิสระและความรับผิดชอบต่อสังคม และเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการและใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด ขณะเดียวกันจะมีการตั้งคณะกรรมการและคณะทำงานเพื่อขับเคลื่อนเรื่องสำคัญต่างๆ และจัดประชุมปฎิบัติการอย่างเป็นระบบ เพื่อระดมความคิดในการขับเคลื่อนงานตามนโยบาย

" สำหรับการกำจัดทุจริตคอรัปชั่นในวงการศึกษานั้น เป็นนโยบายใหญ่และสำคัญอย่างมากของรัฐบาล  ซึ่งผมจะกำชับให้การทำงานในทุกองค์กรหลักของศธ.ไม่ว่าจะเป็นการบริหารงานหรือการแต่งตั้งโยกย้ายต้องมีความสุจริตโปร่งใสและเป็นธรรม  ส่วนกรณีทุจริตต่างๆที่เกิดขึ้นจะต้องดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา เพื่อหาผู้ทุจริตมาลงโทษให้ได้  ส่วนกรอบเวลาของการแก้ปัญหาทุจริตต่างๆที่เกิดขึ้นจะแล้วเสร็จได้เมื่อไหร่นั้น ในการทำงานต้องทุกอย่างต้องยึดหลักความถูกต้อง รวดเร็วมีประสิทธิภาพและเป็นธรรมประกอบกัน ดังนั้นหากการตรวจสอบจะใช้นโยบาย หรือกำหนดรายละเอียดมากเกินไปคงไม่ได้ เพราะอาจเป็นการใช้ดุลยพินิจทางการเมืองเป็นเครื่องตัดสิน แต่ก็ยืนยันว่าเรื่องการทุจริตต่างๆจะไม่เป็นมวยล้มอย่างแน่นอน" รมว.ศธ.กล่าว



// //

Copyright (c) 2010 munjeed.com All rights reserved.