ลุยตะกุยขับสี่ล้อกับ SUBARU XV (Part2)
 


ลุยตะกุยขับสี่ล้อกับ SUBARU XV (Part2)


ลุยตะกุยขับสี่ล้อกับ SUBARU XV (Part2)

แรงบิดรอบต่ำจากเครื่อง Boxer 2.0 ลิตร ที่มีไว้สำหรับดันตัวเองขึ้นจากหล่มโคลน เมื่อนำเจ้า Subaru XV มาวิ่งใช้งานในเมืิองด้วยแรงบิดดังกล่าวทำให้รถ Crossover คันนี้มีความคล่องตัวสูง แม้จะมีน้ำหนักถึง 1,430 กิโลกรัม แต่การเคลื่อนตัวจากสัญญาณไฟหรือไหลไปตามสภาพการจราจรในกรุงเทพมหานครไม่มีปัญหาด้านความอืดอาดเชื่องช้าให้พบเห็นแม้แต่น้อย เกียร์ Lineartronic CVT ทำตัวได้อย่างเป็นมิตรและให้สัมผัสที่แทบจะไม่แตกต่างจากเกียร์ออโต้แบบทอร์คคอนเวอร์เตอร์ มิติของตัวถังที่ไม่แตกต่างจากแฮตช์แบคห้าประตูขนาดกะทัดรัดทำให้การมุดไปมา หรือเปลี่ยนทิศทางมีความกระฉับกระเฉงและขับได้ง่ายกว่า SUV ที่มีอยู่อย่างดาดดื่นในตลาดรถยนต์ขับเคลื่อนสี่ล้อของไทย จากขนาดของตัวถังที่มีความพอดิบพอดีไม่ใหญ่โตหรือสูงโย่งจนเกินไป ความสูงที่มากกว่ารถซีดานยังส่งให้มุมมองเพิ่มมากกว่ารถเก๋ง คุณจะรู้สึกเฉยๆ กับการตกแต่งภายในห้องโดยสารของรถคันนี้ ความเรียบง่ายจนเกินไปกลายเป็นจุดที่ Subaru ต้องปรับปรุงเพื่อสร้างบรรยากาศในการขับขี่ให้ดีขึ้น ชาติพันธุ์ของรถขับเคลื่อนสี่ล้อทำให้ผมรู้สึกได้ทันทีที่เข้าควบคุมแม้จะขับในเมืองอยู่สองวันก่อนจะนำมันออกวิ่งทางไกล การทดสอบรถ XV ของผมเกิดขึ้นค่อนข้างล่าช้า เนื่องจาก Subaru Thailand สับเปลี่ยนเจ้าหน้าที่ในแผนกพีอาร์ รวมกับทริปทดสอบที่บาหลีในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งผมติดงานไม่สามารถเดินทางร่วมไปกับเพื่อนๆสื่อมวลชนสำหรับการขับทดสอบรถยนต์ Crossover ที่กำลังได้รับความสนใจอยู่ในขณะนี้


ผลงานจากการออกแบบที่มีความลงตัวของเจ้า XV ทำให้ยอดขายในประเทศไทยทะลุเกิน 1,000 คัน มันค่อนข้างโดนใจเหล่าแฟนคลับของค่ายหมู่ดาว จากความนิยมในระบบขับสี่ล้อ ความสามารถในการวิ่งทางไกล การลุยไปในพื้นที่ทุรกันดาร แบรนด์ที่มีความโดดเด่นด้านสมรรถนะของระบบขับเคลื่อนและความแรงของเครื่องยนต์สูบนอนอย่าง Subaru มักจะสร้างรถยนต์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวควบคู่ไปกับประสิทธิภาพในด้านออฟโรด คุณต้องมีใจรักรถยนต์ยี่ห้อนี้เป็นทุนอยู่แล้วถึงยอมควักกระเป๋าจ่ายเงิน 1.35 ล้าน เพื่อแลกกับเจ้า XV หนึ่งคันซึ่งมีการขับขี่ที่ดีจนทำให้ประทับใจหากไม่สนใจเรื่องอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงมากนัก ส่วนตัวผมชอบแนวคิดในการผลิตรถยนต์เพื่อตอบสนองต่อการใช้งานโดยบวกเอา ประสิทธิภาพของการทรงตัวและกำลังจากเครื่องยนต์รวมถึงการใช้ล้อทุกล้อในการขับเคลื่อนแบบตลอดเวลา เมื่อคุณมีความต้องการที่จะเดินทางไปยังทุกที่บนความสะดวกสบายและความนิ่มนวล คุณอาจมองข้ามรถ SUV หลายๆ ยี่ห้อซึ่งมีราคาถูกกว่าและได้รับความนิยมสูงกว่าแต่ขับได้ไม่ประทับใจ เท่าที่ควร แล้วหันมาเทใจให้กับ Subaru XV คุณก็จะพบกับโลกของการขับขี่ที่มีความแปลกแยกและแตกต่างจากยนตรกรรมทั่วๆ ไป สัมผัสของ Subaru ไม่ว่าจะเป็นรถรุ่นใดยากที่จะอธิบายให้เข้าใจหากคุณไม่เคยลองขับด้วยตัวของคุณเอง


ท่านั่งที่ดีและเบาะหนังที่นุ่มนิ่มนั่งสบายใน XV ทำให้คุณขับมันได้ทั้งวันโดยไม่มีอาการตะคริวขึ้นหรือเหน็บชาถามหา ผมมุ่งหน้าออกจากกรุงเทพมหานครในเช้าวันที่สามหลังจากขับในเมืองหลวงจนหนำใจ แล้ว เส้นบ้านบึง-แกลง กลายเป็นถนนที่ผมใช้ทดสอบรถยนต์จากค่าย Subaru เป็นครั้งที่สอง ต่อจากการทดสอบ WRX STi คันแรงที่เคยได้รีวิวไปเมื่อปี 2011 ระยะทางตรงยาวจากบ้านบึงไปยังอำเภอแกลงรวม 102 กิโลเมตรบนไฮเวย์หมายเลข 344 ตัดผ่านเรือกสวนไร่นาของชาวบ้าน เนินเขาเตี้ยๆ บนถนนสี่เลนที่แหวกกลางสวนยางและไร่มันสำปะหลัง ในวันธรรมดาที่มีรถไม่มากนักทำให้การขับขี่ทดสอบในครั้งนี้มีความปลอดโปร่งอยู่บ้าง ผมใช้ความเร็ว 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมงโดยใส่เกียร์ D วิ่งยาวจากแยกมอเตอร์เวย์ไปจนถึงจุดหมายบริเวณหาดแม่พิมพ์ ระหว่างเส้นทางรถทดสอบคันนี้เปิดโอกาสให้ผมได้ลองขับมันในทางแบบวิบาก ทุรกันดาร รถ Subaru XV แม้จะเป็นรถยนต์ขับเคลื่อนทุกล้อและออกแนวลุยมากกว่ารถเก๋งทั่วไป แต่สัมผัสที่ได้รับยามวิ่งผ่านทางลูกรังหรือหลุมบ่อกลับทำได้อย่างไร้ที่ติ ชุดกันสะเทือนเซตออกมาในแบบหนึบและนิ่มนวลทั้งบนทางเรียบๆ และทางขุรขระที่ต้องบุกตะลุยเข้าไปในไร่หรือสวนยาง แรงบิดแม้จะดูไม่มากมายอะไรแต่พอขับเข้าจริงๆ กลับพบว่ามันมีแรงบิดเหลือเฟือ พอที่จะพาตัวเองให้รอดจากสถานการณ์แย่ๆ หากต้องวิ่งฝ่าหล่มโคลนหรือหลุมบ่อขนาดใหญ่ การไต่เนินหรือวิ่งบนทางที่ไม่มีความสม่ำเสมอสูงบ้างต่ำบ้าง ไม่สร้างปัญหาให้กับการควบคุมมากนัก


แม้ว่าพื้นฐานของส่วนประกอบที่นำมาใช้ในการผลิตรถรุ่นนี้จะเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย แต่กลิ่นไอของความเป็น Subaru ยังคงมีอยู่ในทุกอณูของตัวรถ บุคลิกแบบลุยคือความชัดเจนในตัวตนของมัน สไตล์การออกแบบกับแนวทางด้านวิศวกรรมจักรกลของ Fuji Heavy Industries ในอดีต เทคโนโลยีของระบบขับสี่ล้อและการจับมือร่วมธุรกิจกับ Toyota เพื่อความอยู่รอด คุณสมบัติที่หลากหลายของ Crossover คันนี้ สอดคล้องไปกับความสามารถในการบุกตะลุย น้ำหนักตัวที่เพิ่มเข้ามาจากอุปกรณ์อำนวยความสะดวกและชุดขับเคลื่อน 4 ล้อรวมถึงนิสัยใจคอของเครื่องสูบนอนทำให้อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงไม่ค่อยหรูหราเท่าที่ควร ตัวเลข 12.7 กิโลเมตรต่อลิตรที่ทาง Subaru เคลมมาจากโรงงาน เอาเข้าจริงๆ แล้วกลับทำได้เพียงแค่ 9.5 กิโลเมตรต่อลิตร ซึ่งเป็นการขับแบบปกติทั่วไปไม่ได้ใช้คันเร่งกันอย่างต่อเนื่องแต่อย่างใดทั้งสิ้น ผมขับขึ้นไฮเวย์อีกครั้งหลังจากการลงไปลุยในเรือกสวนไร่นาของชาวบ้านในแถบอำเภอแกลงอยู่พักใหญ่เพื่อทดสอบประสิทธิภาพของระบบขับสี่ล้อ สำหรับการขับทดสอบในช่วงเดือนกรกฎาคม ซึ่งเป็นคาบเวลาเริ่มต้นของฤดูมรสุม ทำให้พบเจอกับพายุฝนฟ้าคะนองบ่อยครั้ง ซึ่งเป็นอุปสรรคในการบันทึกภาพประกอบบทความทดสอบอยู่พอสมควร คุณไม่อาจคาดเดากับสภาพอากาศแบบเมืองร้อนของระยองที่อยู่ดีๆ ก็มีพายุฟ้า คะนองตัดผ่านมาอย่างรวดเร็ว เมื่อคุณขับ Subaru XV ท่ามกลางสายฝนและสภาพผิวทางที่ลื่นขึ้น ความสมบูรณ์แบบของระบบขับเคลื่อนสี่ล้อตลอดเวลา Symmetrical AWD ทำให้เจ้า XV สามารถฟันฝ่าเส้นทางที่ลื่นได้อย่างมั่นใจและเหนือกว่ารถยนต์ทั่วไปที่มีระบบขับเคลื่อนแบบปกติ การถ่ายเทกำลังจากเครื่องยนต์ผ่านเกียร์ Lineartronic CVT นิ่มนวลไร้อาการกระตุกกระชากจนบางครั้งดูน่าเบื่ออยู่บ้าง มันค่อนข้างไหลลื่นกับชุดส่งกำลังแบบใหม่ที่ Subaru เลือกใช้ในรถรุ่นนี้แทนที่จะเป็นเกียร์ออโต้แบบทอร์คคอนเวอร์เตอร์ซึ่งให้สัมผัสที่ชัดเจนกว่า


ระบบบังคับเลี้ยวหรือพวงมาลัยใน XV เป็นแบบปั๊มเพาเวอร์สายพานแรคแอนด์พีเนียนที่ต่อเชื่อมกับเครื่องยนต์ด้วยพูเล่ย์ ที่ความเร็วต่ำมันให้ความรู้สึกที่เบาสบายคล้ายพวงมาลัยไฟฟ้า การหมุนหรือหักเลี้ยวเปลี่ยนทิศทางหรือกลับลำทำได้ดีและส่งถ่ายความชัดเจน แม่นยำขณะขับขี่ด้วยความเร็วสูงไม่แตกต่างจากพวงมาลัยชั้นดีในปัจจุบันที่นิยมใช้ปั๊มไฟฟ้าในรถยนต์สมัยใหม่ ความคงทนของแรคพวงมาลัยออกแบบให้จุดยึดและข้อต่อมีความแข็งแรงมากกว่าปกติ เนื่องจากการชอบทำตัวเป็นรถออฟโรด พวงมาลัยแบบสามก้านหุ้มด้วยหนังแท้ยังมีแป้นเปลี่ยนเกียร์ติดตั้งมาให้หลังวงพวงมาลัย ผมมองด้วยสายตาก็พบว่ามันคือแป้น Paddle Shift ที่ยกเอามาจากรถ Subaru BRZ หรือ Toyota GT86 รูปทรงที่เล็กกะทัดรัดของแป้นเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์เข้ากันกับพวงมาลัยได้ดี แม้จะทำด้วยพลาสติกสีเงินยวง ที่น่าแปลกใจก็คือเกียร์ Lineartronic CVT ที่ถูกดัดแปลงให้ส่งถ่ายอารมณ์และความรู้สึกรวมถึงเปิดโอกาศให้ผู้ขับขี่ได้ ชิฟเกียร์ด้วยตัวเองทั้งๆ ที่มันเป็นเกียร์อัตโนมัติแบบสายพานที่ไม่มีตำแหน่งของเกียร์เหมืิอนกับเกียร์อัตโนมัติทั่วไป ในโหมดอัตโนมัติหรือ D-Mode เกียร์ CVT ลูกนี้จะปรับตัวเองทันทีเพื่อให้ตรงกับการเร่งความเร็วโดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์เองและรักษาโมเมนตัมของเครื่องยนต์ขณะทำการเร่ง ผลที่ได้รับคือประสบการณ์การขับขี่ที่คล้ายกับเกียร์อัตโนมัติที่มีตำแหน่งเกียร์ 1-6 คุณสามารถใช้การควบคุมด้วยตัวของคุณเอง เมื่อต้องการความแม่นยำหรือกำลังแรงบิดในรอบต่ำมากขึ้นเช่นการขับปีนขึ้นเนินเขาหรือขับผ่านสภาพทางที่ทุรกันดาร เกียร์ CVT ลูกนี้ยังส่งถ่ายกำลังได้อย่างต่อเนื่อง เทคโนโลยีใหม่นี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อทำงานกับเครื่องยนต์ Boxer สูบนอนและระบบขับเคลื่อนทุกล้อแบบสมมาตร เพื่อช่วยลดการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิง อัตราทดของเกียร์ Lineartronic CVT ช่วยให้เครื่องยนต์ทำงานได้ในช่วงของพลังงานที่เหมาะสม ในขณะที่เกียร์ทั้งลูกมีน้ำหนักเบาจากการออกแบบที่กะทัดรัดช่วยให้เครื่องยนต์ไม่ต้องรับภารกรรมมากนัก


ระบบรองรับของ XV อย่างที่กล่าวไว้ว่ามันให้สัมผัสที่นิ่มนวลและนั่งโดยสารหรือขับขี่ได้อย่างสบายจากการออกแบบ ความแข็งกระด้างของช่วงล่างถูกขจัดออกไป จากการออกแบบจุดยึดและการคำนวณค่าของมุมที่จะรับทั้งแรงกระแทก กับการยืดและยุบตัวด้วยค่าที่ถูกต้องของสปริงและโช๊คอัพขณะขับผ่านทางวิบาก มันให้ความนุ่มนวลที่เหมาะเจาะกับการใช้งานในชีวิตประจำวัน แถมยังมอบความมั่นใจในความแม่นยำโดยถ่ายเทความรู้สึกทั้งหมดตรงสู่พวงมาลัยได้ดีมาก ช่วงล่างด้านหน้าแบบแมคเฟอร์สัน สตรัท สปริง เหล็กกันโคลงกับด้านหลังที่ใช้แบบปีกนกสองชั้นพร้อมด้วยเหล็กกันโคลงให้การ ยึดเกาะได้ดีและเข้าโค้งได้นิ่งบนทางเรียบ การออกแบบโดยเน้นให้หน้ายางสัมผัสกับพื้นถนนเต็มที่ ผู้ขับขี่จึงได้รับทั้งประสิทธิภาพของการเกาะถนนและตอบสนองต่อการบังคับ ควบคุมในทุกระดับความเร็ว อาการโคลงตัวขณะขับเข้าโค้งเกิดขึ้นบ้าง เนื่องจากขนาดความสูงที่มากกว่าปกติ แต่อยู่ในระดับที่ยอมรับได้ การถ่ายเทน้ำหนักทำได้ดีน่าประทับใจและส่งผลไปถึงการควบคุมที่ง่ายดาย ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลาแบบ Symmetrical AWD ทำให้วิศวกรของ Subaru มีงานล้นมือในขั้นตอนของการพัฒนาตัวรถก่อนผลิตออกขาย มันคือความจำเป็นที่จะต้องออกแบบให้ XV มีความสมดุลและให้การกระจายตัวของการใช้พลังงานสำหรับการลากจูงในระดับสูงสุด


เกือบทุกรุ่นของรถยนต์ในค่าย Subaru มาพร้อมกับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบมาตรฐานที่มีความสมมาตร เพื่อสร้างเสถียรภาพที่ดีและมีประสิทธิภาพ ตอบสนองอย่างรวดเร็วในการสภาวการณ์ที่ผิวถนนลื่นหรือตัวรถเกิดอาการไถล การออกแบบที่สมดุลของระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ ช่วยเพิ่มเสถียรภาพการควบคุมผ่านกลไกของชุดขับสี่ที่สลับซับซ้อน แรงบิดถูกกระจายไปยังล้อเพื่อสร้างความสมดุล พร้อมแรงฉุดที่ดีที่สุดที่จะช่วยให้คุณผ่านเส้นทางที่ยากลำบาก การกระจายน้ำหนักที่สมดุลระหว่างล้อหน้าและล้อหลัง รูปทรงของเครื่องยนต์สูบนอนที่แบนต่ำและกว้าง ซึ่งอยู่ในแนวนอนมากกว่าแนวตั้ง ช่วยลดจุดศูนย์ถ่วงของรถ เพลากลางถูกออกแบบให้มีสองส่วน ช่วยให้เครื่องยนต์ส่งถ่ายแรงบิดได้ดีขึ้น การลดจุดศูนย์ถ่วงก่อให้เกิดการควบคุมที่ดี องค์ประกอบด้านความสมดุลจึงเกิดขึ้นทั่วทั้งคันจากการกระจายน้ำหนักพร้อมกับ ระบบขับเคลื่อนแบบทุกล้อ นอกจากนี้ น้ำหนักชิ้นส่วนของระบบขับเคลื่อนในรถ Subaru XV จะถูกกระจายออกจากด้านหน้าไปยังด้านหลัง เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำหนักตกลงยังส่วนหน้ามากจนเกินไปอีกด้วย เซ็นเซอร์ของระบบควบคุมการทรงตัวจะตรวจสอบการกระจายแรงบิดของล้อขับเคลื่อนอยู่ตลอดเวลา และสั่งงานให้แรงบิดเฉลี่ยไปยังทุกล้อเพื่อทำให้แรงบิดมีความเหมาะสมกับสภาพของเส้นทาง


เสียงรบกวนขณะขับขี่เกิดขึ้นเล็กน้อยเมื่อวิ่งที่ความเร็วเกิน 100 กิโลเมตร คุณจะได้ยินเสียงยางบดไปกับผิวถนนและเสียงลมปะทะตัวถัง การซับเสียงแปลกปลอมในรถ Subaru มีการติดตั้งวัสดุซับเสียงเพิ่มเติมในจุดที่มักเกิดเสียงดังขณะวิ่งด้วยความเร็วสูง เสียงการทำงานของเครื่องยนต์ Boxer 2.0 ลิตร แตกต่างไปจากเครื่องยนต์แบบสูบเรียงอย่างชัดเจน มันเป็นรถยนต์ที่บ้ารอบและชอบให้กดคันเร่งบนทางตรงเรียบๆ มากกว่าจะวิ่งแบบ เอ้อระเหยลอยชาย เมื่อลงคันเร่งไฟฟ้าแบบฉับพลันทันทีเพื่อเรียกกำลังสำหรับการแซง มาตรวัดรอบจะตวัดตัวเองขึ้นสู่รอบสูงอย่างรวดเร็วและค่อยๆ ลดลงเมื่อคุณถอนเท้าออกจากคันเร่ง การเร่งเครื่องยนต์ใน XV เกิดขึ้นแบบนิ่มนวลและความเร็วจะไหลขึ้นไปเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่องแทนที่จะ พุ่งทะยานเป็นลูกธูน แรงบิด 196 นิวตันเมตรมาแบบค่อยเป็นค่อยไปแต่ก็ยังคงสัมผัสได้อย่างชัดเจนเมื่อมันไต่ ระดับความเร็วด้วยความมั่นคงของระบบรองรับ ล้อขอบ 17 นิ้วและยางคุณภาพสูงของ Continental รุ่นพิเศษ Conti MAX Contact MC5 ขนาด 225/55/R17 97V แก้มยางที่สูงให้ความนิ่มนวลรวมถึงลายดอกยางรุ่นนี้ก็ยังให้ความเงียบให้ระดับที่น่าพึงพอใจ การยึดเกาะที่ดีของยางเมื่อทำงานร่วมกับช่วงล่างทำให้การควบคุมตัวรถตอบสนองได้อย่างใจนึก การเอาชนะกฎเกณฑ์ทางด้านฟิสิกส์เมื่อต้องขับลุยทางวิบากคือการขับขี่ด้วย ความเร็วต่ำ ล้อที่มีขนาดพอดีไม่ใหญ่โตจนเกินไปบวกกับแก้มยางที่สูงส่งผลให้มันเอาชนะ สภาพทางที่ค่อนข้างโหดหินได้ดีเลยทีเดียว


คุณอาจชื่นชอบคุณภาพของการขับขี่ที่ดีและมีความโดดเด่นเกินหน้าเกินตารถ Crossover ทั่วไปซึ่งมีช่วงล่างที่กระด้างและทำให้นั่งหรือขับได้ไม่สบายเนื้อสบายตัวนัก ผมใช้เวลาตลอดทั้งวันขับมันบนเส้นทางที่ขรุขระ ขีดความสามารถในการลุยใกล้เคียงกับรถออฟโรดเต็มรูปแบบแม้มันจะทำตัวเป็นรถ Crossover กึ่งเรียบกึ่งลุย แรงบิดรอบต่ำที่มีอย่างเหลือเฟืออย่างที่บอกทำให้มันเอาตัวรอดได้แทบจะทุกสถานการณ์ การออกแบบระบบขับเคลื่อนที่ขึ้นชื่อลือชาด้านสมรรถนะทำให้ Subaru XV มีความเหมาะสมและครอบคลุมทุกสภาพทาง ตำแหน่งของการนั่งขับที่ยอดเยี่ยม จากความสามารถในการปรับท่านั่งได้อย่างหลากหลาย รวมถึงพวงมาลัยที่ปรับเข้า-ออก สูง-ต่ำได้ดั่งใจ พร้อมกับการตะกุยแบบสี่ล้อตลอดเวลา ช่วยเพิ่มเติมขีดความสามารถของรถรุ่นนี้ในการที่จะขับทั้งทางเรียบและเส้นทางวิบากได้ดี ถามว่ามันคือ Crossover ที่ดีที่สุดเหมาะสมกับราคา 1.35 ล้านบาทหรือไม่นั้น เมื่อคุณต้องวิ่งผ่านทางแย่ๆ ตลอดช่วงของการเดินทางที่ต้องพึ่งพาระบบขับเคลื่อนทุกล้อตลอดเวลา คุณจะชอบมันในที่สุด อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แลกกลับคืนด้วยขีดความสามารถของการควบคุมและความสนุกสนานหลังพวงมาลัย มันเกิดมาเพื่อลุยและทำตัวได้ดีบนทางเรียบจนหน้าแปลกใจกับประสิทธิภาพตลอด การวิ่งทดสอบทั้ง 5 วันบนระยะทาง 1018 กิโลเมตร จากระยองไปจนถึงอำเภอตาพระยาในจังหวัดสระแก้ว เงิน 1.35 ล้านบาทที่จะต้องจ่ายเพื่อแลกกับการครอบครอง Subaru XV รุ่น 2.0i Premium ขึ้นอยู่กับความชอบส่วนตัวเป็นหลัก คุณจะแปลกใจในสัมผัสเมื่อลองขับเป็นครั้งแรกก่อนตัดสินใจซื้อมันมาใช้งาน ลืมเรื่องความเรียบง่ายของอุปกรณ์ตกแต่งภายในห้องโดยสารซะ แล้วหันมาสนใจประสิทธิภาพอันแท้จริงของมันจะเป็นการดีที่สุด.



 




อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail [email protected]
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom



// //

Copyright (c) 2010 munjeed.com All rights reserved.