mavikthumbnails/thumbnails/200x142-images-stories-article2013-colum_than-5line.jpg">จิตติศักดิ์ นันทพานิช “ก็ให้คุณสุภาพิสูจน์ออกมาเป็นรายละเอียดดีกว่า วันนี้สื่อมวลชนก็เห็นแล้ว เราตรวจสต๊อกพร้อมกันทั่วประเทศกว่า 2 พันโรงสี ก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับเราบ้าง ว่าเราตรวจทั้งหมดแล้ว จุดที่เจอก็ประมาณ 26 จุดตอนนี้ก็รอขั้นตอนของตำรวจที่จะสืบค้น ถ้ามีหลักฐานว่าทุจริตทุกจุดก็เอาหลักฐานมา ดิฉันพร้อมดำเนินคดีและตรวจสอบให้หมด”

    ข้อความข้างต้นเป็นคำชี้แจงจากนายกฯ ยิ่งลักษณ์ เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกรณี คุณสุภา ปิยะจิตติ รองปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานคณะกรรมการคณะอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าว ไปแจงต่อคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจ การพาณิชย์ และอุตสาหกรรมวุฒิสภาเมื่อสัปดาห์ก่อน โดยได้ระบุว่า “การรับจำนำข้าวทุกเมล็ดมีการโกงทุกขั้นตอน” พินิจจากถ้อยคำแล้วพอคาดเดาได้ว่า ท่านนายกฯ อยู่ในอารมณ์ประมาณไหน
    น่าเห็นใจที่นายกฯต้องเผชิญกับการตรวจสอบจากคำถามของสื่อมวลชนในเรื่องรับจำนำข้าวอย่างเข้มข้นอยู่คนเดียว แต่นายกฯ ต้องเข้าใจว่าการตรวจสอบจากสื่อเป็นเรื่องหน้าที่ไม่มีเจตนา “ไม่ให้ความเป็นธรรม”แต่ประการใด และเตรียมใจล่วงหน้าได้เลยว่าสถานการณ์มีแต่จะหนักหน่วงขึ้น
    เพราะ “เรื่องข้าว” ยังมีคำถามที่รัฐบาลยังหาคำตอบไม่ได้ โดยเฉพาะเรื่องข้าวสาร 2.9 ล้านตัน (บางคนบอกว่า 3 ล้านตัน) ที่ยังหาไม่พบว่าไปซุกอยู่ส่วนไหนห่วงโซ่ระบบรับจำนำข้าว และเป็นเหตุให้คุณสุภายังไม่ยอมปิดบัญชีโครงการข้าว แม้กระทรวงพาณิชย์อ้างว่าอยู่ระหว่างสีแปรซึ่งหากนำมาแปลงเป็นมูลค่าตัวเลขขาดทุนจากการรับจำนำฤดูการผลิต ปี2555/56 ซึ่งคาดว่าตัวเลขอยู่ประมาณ 8.4 หมื่นล้านบาท
    การที่รัฐบาลส่งตำรวจกว่า 2 หมื่นนาย ปูพรมตรวจโรงสีกว่า 2 พันแห่ง และพบว่ามีแค่ 26 แห่งที่มีปัญหา คงไม่สามารถตอบคำถามนี้ได้เพราะวิธีตรวจสต๊อกข้าวของรัฐบาลครั้งนี้ คนในวงการค้าข้าวเชื่อว่าตำรวจที่มีหน้าที่จับผู้ร้าย คงไม่สามารถประเมินกองข้าวได้แน่ชัดว่าปริมาณมีเท่าไหร่ทางที่ดีแทนที่นายกฯยิ่งลักษณ์จะท้าทาย ข้าราชการประจำให้พิสูจน์ออกมาเป็นรายละเอียด นายกฯควรสั่งการให้รัฐมนตรีใหม่ที่เข้าไปดูแลเรื่องข้าวเร่งตรวจสอบซํ้าในเรื่องนี้เพื่อหาคำตอบว่า ข้าวที่หายอยู่ในห่วงโซ่ของระบบรับจำนำข้าวตามที่กระทรวงพาณิชย์อ้างมาโดยตลอด หรือมีแค่ตัวเลขแต่ไม่มีข้าว เพราะใครไม่รู้? นำข้าวไปเวียนเทียนรับเกวียนละ 15,000 บาทจนเพลินลืมหาข้าวมาปิดบัญชี เช่นที่หลายฝ่ายสงสัย
    และควรตรวจสอบด้วยว่า การทุจริตสามารถเกิดขึ้นในทุกขั้นตอนอย่างที่มีการกล่าวถึงจากหลายฝ่ายจริงหรือๆ ไม่เพื่อลดข้อจากหลายภาคส่วนพร้อมกับแสดงความจริงใจ ก็ควรตั้งคุณสุภารองปลัดเป็นประธานตรวจสอบและสนับสนุนทุกๆ ด้านเสียเลยลำพังให้ข้าราชประจำไปตรวจสอบโดยไม่มีคำสั่งจากฝ่ายนโยบาย ความทั่วถึง การให้ความร่วมมือก็มีจำกัด ขนาดที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติให้ กระทรวงพาณิชย์ รายงานสถานการณ์ข้าวทุกเดือน ทำเนียบก็ยังไม่ได้ข้อมูลจนสถานการณ์บานปลายมาอย่างที่เห็นทุกวันนี้
    การหาข้อเท็จจริงต่อผลที่เกิดจากนโยบายเป็นเรื่องของฝ่ายการเมืองไม่ใช่ฝ่ายประจำ หลักการนี้เป็นสากลและชัดแจ้งอยู่แล้ว

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 33 ฉบับที่ 2,859 วันที่  7  - 10   กรกฎาคม  พ.ศ. 2556