mavikthumbnails/thumbnails/200x96-images-stories-article2013-colum_than-barnd2.jpg">
กฤษณ์ ศิรประภาศิริตำราพื้นๆการตลาด มีข้อหนึ่งที่ว่า "อะไร" ก็ทำการตลาดได้ ไม่จำเป็นต้องเป็น "ผลิตภัณฑ์" หรือ "งานบริการ" เท่านั้น
ไม่ว่าพระเอกภาพยนตร์ ดารากีฬา เมือง แหล่งท่องเที่ยว อุทยานประวัติศาสตร์ ความคิด ฯลฯ ล้วนทำการตลาดได้ทั้งสิ้น
นายกรัฐมนตรีหญิงคนสวยของเรา ผู้แสนทันสมัยในโลกธุรกิจและแน่นอน เมื่อ "บุญหล่นทับ" มารับตำแหน่ง "ผู้นำ" ทางการเมืองกลุ่มธุรกิจใหญ่ของครอบครัว "ชินวัตร" จะทอดทิ้งไม่ส่งทีมการตลาดเก่งๆ มาอยู่เคียงข้างกาย เกื้อหนุนส่งเสริมได้อย่างไร
สุนทรพจน์แรกที่เข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประวัติศาสตร์ไทย จึงมีการเชิดชูพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในปีพระราชทานปริญญาบัตรบัณฑิตมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ปีที่นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รับพระราชทานรัฐศาสตรบัณฑิต
สุนทรพจน์ชิ้นนั้นได้รับความชื่นชมจากประชาชนผู้มีใจเป็นธรรม และสลายข้อสงสัย "ความไม่จงรักภักดี" ของสกุลนี้ได้ในระดับหนึ่ง
ท่าทีนอบน้อมงดงาม สะสมเสน่ห์ชนะใจประชาชนไม่เพียงในหมู่คนไทย ชาวต่างชาติเริ่มกล่าวขานชมเชย
ในโลก GLOBALIZATION ผู้นำไทยควรมี "ภาพสากล" ยิ่งเป็นเอื้องเหนือ สันกำแพง ต้องทำงานหนักหน่อย ท่านจึงต้องเดินทางต่างประเทศถี่ยิบ แม้บางประเทศที่ออกชื่อแล้ว วงการกระทรวงค่อนขอดสงสัยว่าไปทำไม ทำไมให้ PRIORITY กับมองโกเลีย มัลดีฟส์ ฯลฯ และจาก SPEECH แรกๆ ที่ผู้คนเอาใจช่วย ใจหายใจคว่ำ ได้พูดได้ใช้ ได้แสดงบ่อยๆ ฯพณฯ ก็เริ่ม MASTER ขนาดพูดไปเล่นหูเล่นตา โปรยเสน่ห์ไปยังได้
วันนี้ นายกฯหญิงคนแรกของเราก้าวหน้าไปรับตำแหน่ง รัฐมนตรีกลาโหมหญิงคนแรกของประเทศอีกตำแหน่ง เหตุผลเล็กๆ รมว.ชายคนเดิมชอบชนกับกองทัพ แต่เหตุใหญ่ที่รับตำแหน่งน่าจะเป็นการเสริม "ความเป็นผู้นำกล้าหาญ" ไม่แพ้ชายชาตรีอกสามศอก
ก็เป็นอีกเรื่องที่ "เอาใจช่วย" เพราะปัญหาเดิมๆ ที่มีอยู่ในประเทศ ไม่ว่าจะเป็น ปัญหาปากท้องประชาชน ปัญหาความผันผวนของเศรษฐกิจโลก ปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน ฯลฯ
ฯพณฯ ก็ไม่ได้แสดงความสามารถ "เอาอยู่" ปรากฏต่อสาธารณชน
ตอนนี้ต้องมารับผิดชอบโดยตรงกับ "ปัญหาความไม่สงบของภาคใต้" ที่นับวันจะลุกลามไปมากกว่า 3 จังหวัด คงจะเอาหน้าตาดี ยิ้มสวย บุ้ยใบ้ไม่ได้เหมือนเดิมอีกแล้ว
ชีวิต ทหาร ตำรวจ เจ้าหน้าที่ อาสาสมัคร ฯลฯ ที่สูญเสียไป ส่วนหนึ่งเสียสละด้วยความคิดที่ว่า ความตายของเขา (หลังรับการปูนบำเหน็จ) จะทำให้ชีวิตญาติพี่น้องได้อยู่สบายขึ้นบ้าง ส่วนหนึ่งก็เสียสละเพื่อชาติ ตามที่ได้รับการอบรมสั่งสอนมา
เป็นชีวิตคนดีๆ ที่ไม่น่าต้องมาสูญเสีย เป็นรายวัน
นิตยสาร TIME จัดอันดับผู้ทรงอิทธิพลของโลกปีนี้ มีผู้หญิงติดอันดับอยู่หลายคน ดังได้เล่าไว้ในวันพฤหัสฯที่แล้ว
เผิง ลี่ หยวน สตรีหมายเลขหนึ่งของจีน ภริยาประธานาธิบดีสี จิ้น ผิง ติดอันดับด้วยความสง่างามที่ละลายความน่ากลัวของลัทธิคอมมิวนิสต์ และความรักชาติ ใช้สินค้า Brand จีน จนทำให้ประชาชนหันมาใช้ตาม
มิเชล โอบามา สตรีหมายเลขหนึ่งของอเมริกา ภริยาประธานาธิบดีโอบามา ได้รับการยกย่องว่า อำนาจไม่ได้ทำให้เธอหลง ยังเป็นตัวของตัวเอง และมุ่งมั่นโครงการดีๆ เพื่อเยาวชน
ผู้นำหญิงทั้ง 2 ไม่ได้มีตำแหน่งปกครองประเทศโดยตรง แต่ด้วยความที่มีสาระ มีเป้าหมาย และมุ่งมั่น ไปตามทางที่ถูกที่ควร ทำให้ได้รับการยกย่องจากนิตยสารที่ได้รับการเชื่อถือของโลก และชื่นชมจากชาวประชาสากล
นายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ของเราไม่ติดอันดับในปีนี้
ภาพสวยๆ ของนายกฯหญิง เอาเข้าจริง น่าเป็นห่วง
ไม่ว่าด้านความเป็น "ผู้นำรัฐบาล" อยู่ในเทอมนายกฯ ไม่ถึง 2 ปี แต่เปลี่ยนคณะรัฐมนตรีถึง 5 ชุด เฉลี่ย 5 เดือนต่อครั้ง รองเท้าดีๆ น่าจะอยู่ได้นานกว่า
หรือปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน ข่าวฉาวโฉ่โครงการมหึมาหลายๆ โครงการเป็นภาพลบ การไปออกงานประธานโครงการรณรงค์ปราบคอร์รัปชัน จึงดูเป็น "ตัวตลก" มากกว่า นานเข้าผู้คนคงหมดศรัทธากับ "สาวเหนือขี้จุ๊" ฯลฯ
เกือบ 2 ปีแล้วครับ หมดเวลา "ฮันนีมูน" สื่อมวลชนที่รับผิดชอบต่อประชาชน เริ่มจะเข้มงวดและรุกหนักขึ้น
ในส่วนตัวที่เอาใจช่วย และเห็นใจที่ ฯพณฯ เสียสละความสุขส่วนตัว ความอบอุ่นของครอบครัว มารับงานหนักสุดของประเทศ ก็ต้องขอแนะ
ลองจับโครงการดีๆ เพื่อประเทศ มาทำเป็นชิ้นเป็นอันสักโครงการสิครับ
หรือจะกลับไปศึกษา พระราชดำรัสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานไว้ในปีที่นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จบรัฐศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
จบเทอม นายกฯหญิงคนแรกในประวัติศาสตร์ไทย จะได้มีชื่อติดอันดับผู้ทรงอิทธิพลของโลก
แต่ที่สำคัญกว่านั้น ... "เป็นบุญกับประเทศ"
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 33 ฉบับที่ 2,858 วันที่ 4 - 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2556
