mavikthumbnails/thumbnails/200x142-images-stories-article2013-2859-ongaj.jpg">ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายคณิต ณ นคร ประธานกรรมการปฏิรูปกฎหมาย (คปก.) ระบุว่าร่างพ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่ง พ.ศ. ... (ร่างพ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท)ขัดรัฐธรรมนูญ ว่า พรรคประชาธิปัตย์ยืนยันว่าการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน
เพื่อวางรากฐานของประเทศ ในหลักการไม่มีใครคัดค้าน แต่พรรคมองว่ารัฐบาลกำลังดำเนินการกู้เงิน 2 ล้านล้านบาทไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่โปร่งใส และไม่ชอบมาพากล คือ 1.ร่างพ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาทให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน โดยนำเงินไปใช้จ่ายได้โดยไม่ต้องกู้เงินต่อ และไม่ต้องนำเงินส่งเข้าคลังตามกฎหมาย ถือเป็นการขัดต่อหลักการที่เกี่ยวข้องกับการเงินการคลัง และวินัยงบประมาณตามรัฐธรรมนูญ หมวด 8 ที่บัญญัติเรื่องการเงิน การคลัง และงบประมาณ ในมาตรา 166 และมาตรา 170 2.คณะรัฐมนตรี(ครม.)เสนอร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินต่อ โดยไม่เป็นไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ มาตรา 169
นายองอาจ กล่าวอีกว่า การดำเนินการของรัฐบาลในการกู้เงิน 2 ล้านล้านบาท ไม่เหมือนที่พรรคประชาธิปัตย์เคยออกพระราชกำหนด(พ.ร.ก.)ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน เพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 (โครงการไทยเข้มแข็ง) ซึ่งขณะนั้นพรรคประชาธิปัตย์สามารถดำเนินการได้ เพราะศาลรัฐธรรมนูญ มีคำวินิจฉัยที่ 11/2552 เมื่อวันที่ 3 มิ.ย. 2552 ระบุในตอนท้ายว่าการตราพ.ร.ก.ดังกล่าวตราขึ้นเพื่อประโยชน์ และเพื่อรักษาความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 184 วรรค 1 และเป็นกรณีฉุกเฉินที่มีความจำเป็นเร่งด่วน อันมิอาจหลีกเลี่ยงได้ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 184 วรรค 2 ดังนั้น พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาทจึงเป็นคนละประเด็นกับพ.ร.ก.ดังกล่าว เพราะฉะนั้นรัฐบาลไม่สามารถยกเรื่องนี้มาเทียบเคียงกันได้ว่า ทำไมสมัยพรรคประชาธิปัตย์ทำได้สมัยรัฐบาลพรรคเพื่อไทยทำไม่ได้
“ผมคิดว่าจะทำได้หรือไม่ได้นั้น เมื่อการพิจารณาร่างพ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาทเสร็จสิ้นก่อนที่จะนำขึ้นทูลเกล้าฯลงพระปรมาภิไธย ส.ส.ฝ่ายค้านมีสิทธิที่จะยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยได้อีกครั้ง ว่าเป็นไปตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญหรือไม่ หรือขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ ผมจึงขอฝากไปยังรัฐบาลว่าอย่าเบี่ยงเบนประเด็นเพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องของข้อกฎหมาย” นายองอาจ กล่าว.