mavikthumbnails/thumbnails/250x304-images-stories-article2013-2859-1703.jpg"> นางวรรณี รัตนพล นายกสมาคมมีเดียเอเยนซี และธุรกิจสื่อแห่งประเทศไทย และประธานบริหาร บริษัท ไอพีจี มีเดียแบรนด์ส จำกัด เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ทิศทางภาพรวมโฆษณาปีนี้ดูเหมือนจะแย่ลงจากปีที่ผ่านมา เนื่องจากรายได้เม็ดเงินอุตสาหกรรมสื่อโฆษณาที่เข้ามาในช่วง 5 เดือนแรกเติบโตแค่เพียง 2% เท่านั้น จากเดิมในช่วงต้นปีบริษัทคาดการณ์ว่าจะเติบโตสูงกว่า 10% เนื่องจากในสิ้นปีที่ผ่านมาอุตสาหกรรมนี้เติบโตกว่า 10% ทั้งนี้จากภาพรวมตลาดดังกล่าวที่ลดลงมาจากแบรนด์สินค้าอุปโภคบริโภคข้ามชาติขนาดใหญ่จ่ายงบค่าโฆษณาน้อยลง อาทิ ยูนิลีเวอร์ พีแอนด์จี ลอรีอัล เป็นต้น
"บริษัทมองว่า แบรนด์สินค้าดังกล่าวข้างต้นเป็นตลาดสินค้าระดับแมสที่เจาะกลุ่มเป้าหมายทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด แต่ในครึ่งปีแรกที่ผ่านมาพบว่างบโฆษณาองค์กรต่างๆเหล่านี้ใช้จ่ายค่าโฆษณาลดลง ซึ่งผลสำรวจตัวเลขการใช้จ่ายโฆษณาในช่วง 5 เดือนแรกพบว่า ยูนิลีเวอร์ไม่เติบโต พีแอนด์จี -11% ไบเออร์สด๊อรฟ -8% และลอรีอัล -20% ขณะที่กลุ่มสินค้าแบรนด์ไทยกลับเพิ่มขึ้น อาทิ โอสถสภาเติบโต 12% ดัชมิลล์ 73% ทรูมูฟ 53% ฯลฯ นอกจากนี้แบรนด์ เนสท์เล่ 5% และโตโยต้า 11% ก็มีการใช้จ่ายเงินโฆษณาที่เพิ่มขึ้นด้วย สำหรับอัตราการเติบโตที่ลดลงจากกลุ่มบริษัทข้ามชาตินั้น บริษัทมองว่าผู้บริโภคลดค่าใช้จ่ายดังกล่าว เนื่องจากอาจจะนำเงินไปจ่ายในโครงการรถยนต์คันแรก หรือค่าใช้จ่ายอื่นๆ"
ทั้งนี้คาดการณ์ว่าอุตสาหกรรมโดยรวมอาจจะติดลบ หากภาพรวมยังเป็นเช่นนี้ต่อเนื่อง หรือหากไม่ติดลบก็อาจจะโตมากสุดแค่ 2% หากดูจากภาพรวมตลาดในช่วงเดือนกันยายนปีที่ผ่านมามีมูลค่ารวมกว่า 1.7 หมื่นล้านบาท แต่ในช่วง 5 เดือนต้นปีที่ผ่านมามีมูลค่าอยู่เพียงแค่ 1.03 หมื่นล้านบาทเท่านั้น ซึ่งบริษัทมองว่าเป้าหมายที่วางไว้ในปีนี้ไม่สามารถเป็นไปได้ตามเป้าอย่างแน่นอน
อีกทั้งในปลายปีภาพรวมของสื่ออุตสาหกรรมทีวีจะเปลี่ยนไปอย่างมาก เนื่องจากจะเกิดการประมูลทีวีดิจิตอล ซึ่งเป็นอีกแพลตฟอร์มหนึ่งที่นักลงทุน และผู้บริโภคให้ความสนใจ แต่ในแง่ของบริษัทเอเยนซีบริษัทมองว่าธุรกิจทีวีดิจิตอลจะยังไม่เกิดในปีนี้หรือได้รับความนิยมจากตลาด เนื่องจากต้องมีความเตรียมพร้อมหลายด้าน ขณะเดียวกันทีวีดิจิตอลก็ยังไม่มีฐานผู้ชม ซึ่งหากมองธุรกิจทีวีดาวเทียมหรือเคเบิลทีวีในปัจจุบันกำลังสวนทางกันหรือมีฐานผู้ชมเพิ่มมากขึ้น ซึ่งในปลายปีบริษัทคาดว่ากลุ่มบริษัทเอเยนซีจะเริ่มให้ความสนใจกับธุรกิจทีวีดาวเทียมมากขึ้นจากเดิม ทั้งนี้หากดูจากตัวเลขผลสำรวจของแบรนด์สินค้าที่ใช้จำหน่ายผ่านสื่อฟรีทีวี และทีวีดาวเทียมก็สวนทางกัน คือ การใช้จ่ายผ่านสื่อฟรีทีวีลดลง 4% ขณะที่สื่อทีวีดาวเทียมกลับเพิ่มขึ้นกว่า 12% นอกจากนี้การใช้จ่ายโฆษณาภาพรวมของสื่อทีวีในปีที่ผ่านมาก็เติบโตต่างกัน คือ สื่อทีวีดาวเทียมเติบโตกว่า 29% และสื่อฟรีทีวีเติบโตเพียงแค่ 9% เท่านั้น
สำหรับมุมมองเอเยนซีที่มีต่อสื่อทีวีในปัจจุบันนั้น ยังไงก็ยังให้ความสำคัญกับเรตติ้งอยู่ โดยแบ่งสัดส่วนการให้ความสำคัญของสื่อฟรีทีวี โดยยึดหลักของเรตติ้งกว่า 90% และซื้อแบบเจาะกลุ่มเป้าหมาย 10% เพราะบริษัทมองว่าเรตติ้งที่ดีจะมาจากคอนเทนต์ที่ดี หากช่องมีคอนเทนต์ที่มีคุณภาพ แตกต่างจากปัจจุบันย่อมดึงความสนใจได้อย่างแน่นอน
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 33 ฉบับที่ 2,859 วันที่ 7 - 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2556