เมื่อวันที่ 6 ก.ค. พ.ต.ท.ศักกพล สุขปาน หัวหน้าสำนักสนับสนุนการบังคับใช้กฎหมาย กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยความคืบหน้าการสอบสวนคดีการมอบปริญญาดุษฎีบัณฑิต กิติมศักดิ์ ของมหาวิทยาสันติภาพโลกว่า จากการสอบปากคำผู้เกี่ยวข้อง 3 รายวานนี้ ประกอบด้วย นายเรวัตร์ ชาตรีวิศิษฏ์ ในนามผู้ร่วมก่อตั้งมหาวิทยาลัยสันติภาพโลกในประเทศไทย นางประไพจิตร สว่างเนตร นายทะเบียนที่อ้างว่าเป็นผู้แทนประงานกับมหาวิทยาลัยสันติภาพโลกที่ประเทศปากีสถาน และนายสมัย เหมันต์ ผู้ดูแลระบบเทคโนโลยีของมหาวิทยาลัยสันติภาพโลก ทั้งหมดได้ให้การที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี โดยยอมรับว่าการมอบปริญญาเป็นการอุปโลกน์ขึ้นและไม่ได้ระบุให้ผู้รับทราบว่าปริญญาดังกล่าวไม่สามารถนำไปรับรองวุฒิการศึกษาเพิ่มขึ้นได้ ทำให้เกิดปัญหาว่าบางรายนำใบปริญญาไปขอปรับวุฒิการศึกษา หรืออ้างลงสมัครรับเลือกตั้งต่าง ๆ อย่างไรก็ตาม ในส่วนนายสมัยขอแลกเปลี่ยนข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวเบื้องหลัง ที่มาที่ไปการจัดตั้งมหาวิทยาลัยสันติภาพโลกกับการขอให้กันไว้เป็นพยาน ซึ่งดีเอสไอได้ประสานให้สำนักคุ้มครองพยานเข้าไปดูแลความปลอดภัยแล้ว พ.ต.ท.ศักกพล กล่าวต่อว่า สัปดาห์หน้าจะทยอยเรียกบุคคลที่ได้รับใบปริญญาจากมหาวิทยาลัยดังกล่าวเข้ามาให้ปากคำ เบื้องต้นทราบว่ามีกว่า 1,200 คน โดยจะเรียกกลุ่มบุคคลที่มีชื่อเสียงก่อน จากนั้นในวันที่ 15 ก.ค. นี้จะนำพนักงานสอบสวนลงพื้นที่จ.เชียงใหม่และพื้นที่ใกล้เคียงเพื่อสอบปากคำพยานกว่า 10 ปาก เพื่อรวบรวมข้อเท็จจริงเพิ่มเติม ขณะเดียวกันจะเร่งรวบรวมหลักฐานเพื่อขออนุมัติหมายจับนายสวัสดิ์ บรรเทิงสุข อธิการบดีมหาวิทยาลัยสันติภาพโลก ตัวการใหญ่ในการจัดตั้งและดำเนินการมหาวิทยาลัย ซึ่งล่าสุดยังไม่ติดต่อเข้าพบกับพนักงานสอบสวน สำหรับนายสุขุม วงษ์ประสิทธิ์ ลูกศิษย์ของหลวงปู่เณรคำ ที่อ้างได้รับปริญญาจากมหาวิทยาลัยดังกล่าวและนำไปอ้างในการลงสมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.นั้นได้ประสานข้อมูลกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แล้วพบว่านำไปใช้อ้างจริงจึงเตรียมแจ้งความดำเนินคดีฐานใช้เอกสารปลอมลงสมัครลงเลือกตั้งพ.ต.ท.ศักกพล กล่าวอีกว่า มหาวิทยาลัยสันติภาพโลกก่อตั้งขึ้น 3 สาขา โดยสาขาที่ 3 อยู่ระหว่างขอจัดตั้ง ส่วนสาขา 2 ซึ่งตั้งอยู่ที่จ.ขอนแก่น และมีนายเรวัตร์ เป็นผู้จัดตั้งพนักงานสอบสวนพบว่าเปิดเป็นมูลนิธิศรัทธา โดยอ้างว่าเป็นมูลนิธิเพื่อช่วยเหลือสังคมและผู้ยากไร้ ดังนั้นดีเอสไอจะเข้าไปตรวจสอบเส้นทางการเงินเกี่ยวกับการรับบริจาคทั้งหมดว่าเป็นไปตามวัตถุประสงค์หรือไม่เพื่อนำมาประกอบการพิจารณาคดีด้วย.