นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ภาคเอกชนมีความกังวลถึงโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาทของรัฐบาล และโครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท อาจขัดต่อกฎหมายรัฐธรรมนูญ ตามความเห็นของกรรมการปฏิรูปกฎหมาย ซึ่งอาจส่งผลให้โครงการไม่สามารถดำเนินการได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้

ทั้งนี้ หากโครงการเหล่านี้ไม่สามารถดำเนินการได้ จะส่งผลต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล เนื่องจากรัฐบาลได้ใช้ทั้ง 2 โครงการ เป็นตัวกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในอนาคต ขณะเดียวกันร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายปีงบประมาณ 2557 ที่ผ่านการพิจารณาของรัฐสภาในวาระแรกไปแล้วนั้น ไม่สามารถแก้ไขเพื่อเพิ่มเติมการใช้งบประมาณกลางปีได้ จึงถือว่ารัฐบาลไม่มีตัวกระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะไม่มีงบประมาณด้านอื่นเข้ามาเสริม เช่นที่ผ่านมามีการจัดสรรงบประมาณกลางปีเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นมาโดยตลอด

ส่วนโครงการรับจำนำข้าว นั้นแม้ว่าจะมีปัญหาการทุจริตเกิดขึ้น แต่เป็นโครงการเดียวในขณะนี้ที่จะช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายภายในประเทศให้ฟื้นตัวขึ้นได้ นอกจากนี้มองว่าในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ เศรษฐกิจไทยอาจเข้าสู่ภาวะชะลอตัว ส่วนทั้งปีจะมีการปรับลดผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ลงหรือไม่ ทางหอการค้าจะทบทวนในวันพรุ่งนี้ ( 7 ก.ค.)