นานาทัศนะ"จตุพร"แม่ทัพนปช.
 


นานาทัศนะ"จตุพร"แม่ทัพนปช.


นานาทัศนะ
วันที่ 05 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 ปีที่ 23 ฉบับที่ 8254 ข่าวสดรายวัน


นานาทัศนะ"จตุพร"แม่ทัพนปช.


รายงานพิเศษ



ซ้าย - สมชาย ปรีชาศิลปกุล

ขวา - สุดสงวน สุธีสร

การปรับครม.ครั้งล่าสุดซึ่งยังคงไร้ชื่อ นายจตุพร พรหมพันธุ์ กลายเป็นตัวเร่งการจัดกระบวนทัพคนเสื้อแดง ใหม่



นอกจากปลอบใจนายจตุพรที่อกหักซ้ำซากกับเก้าอี้รมต. ยังเป็นการเปิดเกมรุกใส่ฝ่ายตรงข้ามที่แท็กทีมถล่มรัฐบาล อย่างหนัก



โดยล่าสุดนายจตุพรพร้อมรับตำแหน่งประธาน นปช. แทนนางธิดา โตจิราการ ที่จะครบวาระเดือน ก.พ.2557 เพียงแต่ขอรักษาอาการเจ็บจากหมอนรองกระดูกทับ เส้นประสาทให้หายก่อน ซึ่งคงต้องใช้เวลาระยะหนึ่ง



จึงเป็นที่จับตาว่าเสื้อแดงภายใต้การนำของนาย จตุพรจะเป็นอย่างไร ทิศทางการเคลื่อนไหวจะเปลี่ยน แปลงจากเดิมหรือไม่





สมชาย ปรีชาศิลปกุล

คณะนิติศาสตร์ ม.เชียงใหม่

นายจตุพรเป็นประธาน นปช. คงไม่ค่อยมีบทบาทเสริมสร้างประชาธิปไตยมากเท่าไร แต่จะมีภาพนักต่อสู้เพื่ออำนาจทางการเมืองมากกว่า ทำให้มวลชนคนเสื้อแดงไม่อาจขยายตัวไปได้มากกว่านี้



การขึ้นมาทำหน้าที่เกิดจากสถานการณ์ที่ฝ่ายค้านทั้งในและ นอกสภามีท่าทีเข้มข้นมากขึ้น กลุ่มนปช.จึงต้องปรับโหมดให้เข้มข้นตาม การดำเนินยุทธศาสตร์คงต่างจากการนำของนางธิดา เพราะภาพลักษณ์ของนายจตุพรค่อนข้างดุดัน



การปรับครั้งนี้อาจไม่เป็นประโยชน์โดยรวม สุ่มเสี่ยงนำไปสู่การเผชิญหน้าระหว่างประชาชนมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ต้องดูการทำหน้าที่ การวางแผนดำเนินการต่างๆ อีกครั้ง



นปช.ต้องพิทักษ์ระบอบประชาธิปไตยมากกว่าพรรคเพื่อไทย เพื่อให้มวลชนมีบทบาทผลักดัน กดดันรัฐบาลให้เดินหน้าตาม หลักการที่เกี่ยวเนื่องกับมวลชนที่สนับสนุน ตามเป้าหมายสร้างประชาธิปไตยให้เกิดขึ้นในสังคม



เช่น ถ้าเมื่อใดพรรคเพื่อไทยดำเนินแนวทางที่สอดคล้องต่อมวลชนก็ควรสนับสนุน อย่างกรณีร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม เพื่อช่วยเหลือนักโทษการเมือง แต่หากดำเนินแนวทางที่ไม่สอดคล้องกับสังคมโดยรวมก็ไม่ต้องสนับสนุน



นอกจากนี้ร่างกฎหมายสำคัญต่างๆ อาทิ โครงการน้ำ 3.5 แสนล้าน โครงการก่อสร้างโครงสร้างขั้นพื้นฐาน 2 ล้านล้าน มวลชนคนเสื้อแดงควรผลักดันหรือกดดัน เพื่อให้ภาคประชาชนเข้าไปมีส่วนร่วมตรวจสอบ



ไม่ใช่ว่าสนับสนุนพรรคเพื่อไทยเพราะเลือกพรรคเพื่อไทย แต่มวลชนจะต้องมี ส่วนร่วมผลักดันกดดันพรรคได้ เพราะที่ผ่านมาอำนาจในการควบคุมตรวจสอบพรรคนั้นยังน้อยเกินไป



ขบวนการเสื้อแดงจะได้ไม่เป็นเพียงฐานให้รัฐบาล





สุดสงวน สุธีสร

คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์

ม.ธรรมศาสตร์

ที่ผ่านมาการเคลื่อนไหวของนปช.เป็นฝ่ายตั้งรับมากกว่ารุก เกิดเป็นเสื้อแดงย่อยหลายกลุ่ม เนื่องจากแกนหลักมีท่าทีนิ่งเฉยต่อหลายเหตุการณ์ ขณะที่ฝ่ายตรงข้ามเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง



นายจตุพรเป็นประธานนปช. ถือว่าเหมาะสมต่อสถานการณ์ เพราะผ่านมาแล้ว แทบทุกสถานการณ์ เป็นทั้งแกนนำเคลื่อน ไหวชุมนุมใหญ่ โดนสั่งจำคุกจนถูกพ้นสมาชิกภาพส.ส. รวมทั้งยังเป็นตัวแทนเหยื่อสลายการชุมนุมที่เข้าใจความรู้สึกประชาชน



ถือเป็นหัวหมู่ทะลวงฟันในการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ขณะที่ฝ่ายตรงข้ามเดินหน้าเคลื่อนไหวอย่างไม่เกรงกลัวกฎหมาย



การปกป้องรัฐบาลและประชาธิปไตยหากเป็นแต่ฝ่ายรับจะยิ่งเสียเปรียบ อีกทั้งการที่คนเสื้อแดงต่างคนต่างเคลื่อนไหวจะยิ่งลดประสิทธิภาพการแสดงพลัง



เชื่อว่าบุคลิกของนายจตุพรที่ตรงไป ตรงมา ชัดเจนในการเคลื่อนไหว จะทำให้ เกิดเอกภาพภายในกลุ่มคนเสื้อแดงอีกครั้ง พอมวลชนเกิดความเข้าใจตรงกันย่อมมี จุดร่วมที่เหมือนกัน



และการเป็นอดีตสมาชิกพรรคเพื่อไทย มีความใกล้ชิดรัฐบาล ย่อมเข้าใจกลไกการบริหารงานได้เป็นอย่างดี จุดนี้น่าจะเป็นประโยชน์ต่อความสัมพันธ์ระหว่างมวลชนกับรัฐบาล

ซ้าย -จิตรา คชเดช

ขวา -สุนัย ผาสุก





ข่าวการเปลี่ยนตำแหน่งแสดงว่ามีการพูดคุยกันภายในระหว่างแกนนำ นปช. หากแกนนำมีมติให้นายจตุพรเป็นประธานจริงนั้น จะสามารถเรียกได้ว่าเป็นการปฏิรูป นปช.ได้เลยทีเดียว



เนื่องจากทุกกระบวนการต้องไม่เป็นฝ่ายตั้งรับจนเสียเปรียบ แต่ต้อง มีการปฏิรูปและพัฒนาให้เท่าทันต่อสถานการณ์และเกมการเมือง





จิตรา คชเดช

อดีตประธานสหภาพแรงงานไทรอัมพ์

ใครเป็นประธานนปช.ก็คงเหมือนกัน ทั้งนายจตุพรและนางธิดาเป็นแกนนำอยู่เเล้ว การทำงานคงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง



ที่ผ่านมาการนำของนปช. เป็นในลักษณะที่แกนนำร่วมกันตัดสินใจและมีความเห็นร่วมกัน ไม่ว่าการชุมนุมของคนเสื้อแดงที่สี่แยกราชประสงค์ หรือที่สะพานผ่านฟ้า ถนนราชดำเนิน นายจตุพรก็ร่วมตัดสินใจด้วย



แต่เสียดายนางธิดาทำหน้าที่ได้ดี ทั้งการเยี่ยมนักโทษการเมือง การร่วมงานศพ และการเข้าร่วมทุกกิจกรรมของสมาชิก หลังจากนี้นายจตุพรคงจะปรับตัว เข้าร่วมกิจกรรมกับสมาชิกมากขึ้น



ภายใต้การนำของนายจตุพรคงไม่ทำให้สถานการณ์การเมืองรุนแรงขึ้น เพราะไม่ว่าใครเป็นผู้นำ การเมืองก็รุนแรงตามสภาพแวดล้อมที่เป็นอยู่ ไม่เกี่ยวกับการเปลี่ยนประธานนปช.



เพียงแต่นายจตุพรต้องพูดให้ชัดว่า จะนำประเทศไปสู่ประชา ธิปไตยอย่างไร ทั้งเรื่อง ม.112 ที่นปช.ต้องเป็นหัวหอกแก้ไขกฎหมาย และการผลักดันให้ปล่อยตัวนักโทษการเมือง



ที่สำคัญต้องไม่ทำให้ นปช. เป็นส่วนหนึ่งของพรรค เพื่อไทย แต่ต้องทำตัวเป็นองค์กรตรวจสอบรัฐบาล ไม่ว่าพรรคไหน ขึ้นมาเป็นรัฐบาล จะต้องตรวจสอบ และต้องกล้าชนหรืองัดข้อกับรัฐบาล





สุนัย ผาสุก

ที่ปรึกษาฮิวแมนไรต์วอตช์

ประจำประเทศไทย

ภาพนายจตุพรดูถึงลูกถึงคน เข้าถึงมวลชนกว่าแกนนำคนอื่นๆ คนเสื้อแดงรักและศรัทธา พูดเยอะและชัดเจนที่สุดในเรื่องเป้าหมายการต่อสู้ ฉะนั้นเมื่อขึ้นรับตำแหน่งจะต้องตอบคำถามสังคมให้ได้ว่า



จะยกระดับเป้าหมายการต่อสู้ หรือว่าทำแบบเดิมอย่างที่ ผ่านมา



คำถามที่สังคมอยากรู้ เช่น ธงของพรรคเพื่อไทยกับธงของ นปช. ไม่จำเป็นต้องเหมือนกันใช่หรือไม่ แต่ปัจจุบันประเด็นนี้ยังไม่ชัดเจนเท่าไหร่



และประเด็นที่ค่อนข้างแหลมคมคือ การเปิดประชุมสภาต้นเดือนส.ค. เรื่องการนิรโทษกรรมซึ่งมีร่างกฎหมายหลายฉบับจ่อการพิจารณาอยู่ ธงของนปช.อยู่ตรงไหน ที่ผ่านมาบอกว่า จะนิรโทษกรรมให้เฉพาะคนตัวเล็ก ตัวน้อยที่ถูกจับอย่างไม่เป็นธรรม ไม่นับแกนนำกับ ผู้สั่งการ และเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติการ



ต้องแสดงท่าทีชัดเจน เพราะถ้าประกาศต่อสู้เรื่องความยุติธรรม ในทางสากลเมื่อพิสูจน์ได้ว่าความรุนแรงมาจากฝั่งเจ้าหน้าที่ จะต้องไม่มีการนิรโทษกรรมให้เด็ดขาด



มี 3 เรื่องใหญ่ที่นายจตุพรต้องตอบในฐานะประธาน นปช. คือ 1.เรื่องนิรโทษกรรม 2.เรื่องการปรองดอง 3.เรื่องแก้รัฐธรรมนูญ ว่านปช.จะเอาแค่ไหน อย่างไร



เรื่องถัดมาซึ่งเป็นกรอบใหญ่คือเรื่องสิทธิเสรีภาพ นายจตุพรจะยกระดับนปช. ให้มีท่าทีวิพากษ์วิจารณ์ที่ตรงไปตรงมาอย่างไร ทั้งเรื่องมาตรา 112 และพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เพราะมีคนเสื้อแดงหลายคนที่เป็นจำเลยในเรื่องดังกล่าว



และสุดท้าย การที่มีภาพคนเสื้อแดงกลุ่มย่อยต่างๆ มีท่าทีที่รุนแรงและปะทะกับกลุ่มการเมืองฝ่ายตรงข้าม นายจตุพรจะปล่อยให้เป็นไป หรือจะวางแผนแก้ปัญหาให้คนเสื้อแดงมีทิศทางการต่อสู้ที่เป็นเอกภาพโดยไม่ใช้ความรุนแรง


หน้า 3




// //

Copyright (c) 2010 munjeed.com All rights reserved.