">วันนี้(29 มิ.ย.) เวลา 17.30 น. ที่ลานคนเมือง ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร  พรรคประชาธิปัตย์ จัดเวทีปราศรัยผ่าความจริง “หยุดกฎหมายล้างผิดคิดล้มรัฐธรรมนูญ

หยุดเงินกู้ผลาญชาติ หยุดอำนาจฉ้อฉล” โดยมีแกนนำพรรค ส.ส. และสมาชิกพรรค รวมถึงประชาชนผู้สนับสนุนมาร่วมฟังปราศรัยจำนวนมาก  โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบวางกำลังดูแลรักษาความเรียบร้อยโดยรอบงาน

นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า  รัฐบาลขณะนี้ล้มเหลวการบริหารราชการแผ่นดิน ปล่อยให้มีการทุจริตมากมาย รวมถึงการละเลยธรรมาธิบาลในการบริหารราชการแผ่นดิน จึงหมดเวลาของรัฐบาลแล้ว เป็นหน้าที่ของประชาชนทวงแผ่นดินไทยกลับมา โดยเฉพาะโครงการจำนำข้าว ซึ่งเป็นโครงการประชานิยมช่วยชาวนาของชาติ มีการติดป้ายจำนำข้าว1.5 หมื่นบาททุกเมล็ด แต่ทำมา 3 ฤดูกาลผลิตโครงการเจ๊งไม่เป็นท่า มีรายงานการขาดทุนทั้งหมด 3 ฤดูกาลผลิต 2.2 แสนล้านบาท จึงมีคำถามว่าถ้ามีการขาดทุนแต่มีเงินถึงมือชาวนาจริงทุกคนก็รับได้ แต่เมื่อขาดทุนขนาดนี้ ได้เข้ากระเป๋าชาวนา 4 หมื่นกว่าล้านบาทเท่านั้น ส่วนที่เหลือเพราะตกอยู่กับคนที่ทำนาบนหลังคนเกือบแสนกว่าล้านบาท
 

 

 

ขณะที่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ และประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคฝ่ายค้าน(วิปฝ่ายค้าน) กล่าวปราศรัยว่า ตนมาวันนี้ด้วยเหตุผล 3 ข้อ 1.ผ่าความจริง 2.ผ่าความเจ๊ง 3.ผ่าความเจี๊ยะ เพราะประเทศไทยวันนี้โดนเจี๊ยะจนใกล้จะเจ๊งจริงๆ

รัฐบาลนี้มีรถคันแรก มีรัฐบาลพี่คนแรก จึงอาจจะมีนักโทษระดับนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรก ถ้ายังบริหารราชการแผ่นดินแบบนี้โอกาสเป็นไปได้สูง ตนในฐานะอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข อยากบอกรัฐบาลป่วยแล้ว ไม่ใช่โรคขาลง แต่เป็นรัฐบาลขาขึ้น หรือขึ้นไปก่ายหน้าผากตัวเอง มีโอกาสพุงแตกเพราะกินไม่บันยะบันยัง

ส่วนการที่รัฐบาลจะถังแตกก็เพราะนโยบายรถคันแรกที่มีผู้เข้าร่วมจำนวน 1.2 ล้านคน และใช้เงินคงคลังไปแล้ว 3.8 หมื่นล้านบาท เพื่อชดเชยภาษีให้ และล่าสุดทราบว่าในปีนี้รัฐบาลจะเก็บภาษีไม่ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยตัวเลขเฉพาะภาษีเงินได้บุคคลจนถึงเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา ก็เก็บได้ต่ำกว่าเป้า ประมาณ 2.5 หมื่นล้านบาท

โดยขณะนี้นายกรัฐมนตรีกำลังกอดระเบิด 5 ลูก คือ 1.โครงการรับจำนำข้าว 2.แผนบริหารจัดการน้ำทั่วประเทศ วงเงินกู้ 3.5 แสนล้านบาท 3.พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท 4.การพิจารณาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมและ พ.ร.บ.การสร้างความปรองดองแห่งชาติ ซึ่งคาดว่าจะทำให้เดือน ส.ค.และ ก.ย.นี้ เดือดทั้งในและนอกสภาแน่นอน และ 5.การแก้ไขรัฐธรรมนูญ

วันที่ 2 ก.ค.นี้ ฝ่ายค้านจะยื่นเรื่องถอดถอนคณะรัฐมนตรีทั้งคณะต่อประธานวุฒิสภา ข้อหาส่อทุจริตในการกู้เงินโครงการบริหารจัดการน้ำ ซึ่งถ้าส่งเรื่องถึงศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และตัดสินว่ามีความผิดจริง ครม.ก็จะเข้าคุกทั้งคณะ