"ปู"ลุยสุดซอย ศึกจำนำข้าว
 


"ปู"ลุยสุดซอย ศึกจำนำข้าว



วันที่ 09 มิถุนายน พ.ศ. 2556 ปีที่ 23 ฉบับที่ 8228 ข่าวสดรายวัน


"ปู"ลุยสุดซอย ศึกจำนำข้าว





นับตั้งแต่เดือนเมษายน ก้าวเข้าสู่เดือนมิถุนายน

เป็นช่วง 3 เดือนที่รัฐบาลของน.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เจองานเข้าติดกันหลายเรื่อง

เริ่มตั้งแต่การแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เครือข่ายฝ่ายต่อต้านยื่นคำร้องคาไว้ที่ศาลรัฐธรรมนูญ ให้วินิจฉัยยุบพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาล รวม 6 พรรค

ตามด้วยกรณีร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมและปรองดอง ที่ฟันธงกันว่าจะเป็นชนวนร้อนระดับปรอทแตกทันทีที่สภาเปิดประชุมสมัยสามัญเดือนสิงหาคม

ไม่นับร่างพ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาทเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ และงบบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้าน

ที่กำลังถูกฝ่ายค้านและองค์กรอิสระตรวจสอบอย่างหนักในด้านความโปร่งใสของโครงการต่างๆ

หวังเตะสกัดให้คะมำตั้งแต่ "ปากซอย"

ขณะที่แนวรบนอกสภาม็อบ"ขาเก่า เจ้าประจำ"เริ่มขยับง้างเท้า รอจังหวะรัฐบาลทำลูกหลุดเข้าข้อ

หรือล่าสุดกรณีศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาให้การแต่งตั้งโยกย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี ออกจากเก้าอี้เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ให้ไปดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการ

เป็นไปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้กลับไปดำรงตำแหน่งเลขาธิการสมช. เหมือนเดิมโดยเร็ว

เป็นอีกเรื่องที่ฝ่ายค้านและกลุ่มเคลื่อนไหว นอกสภา ฉวยเอามาเป็นประเด็นโจมตีรัฐบาล

ทั้งที่ในยุคพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล ก็มีการแต่งตั้งโยกย้ายคนที่ไม่ได้อยู่ในสายของตนเองออก แล้วเอาของตนเองซึ่งก็คือนายถวิล เปลี่ยนศรี มาไว้ตำแหน่งนี้เช่นกัน

ฉะนั้น หากรัฐบาลโดยนายกฯ จะยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาดังกล่าวไปยังศาลปกครองสูงสุด จึงเป็นสิทธิที่กระทำได้ เพียงแต่ต้องรอบคอบและชัดเจนในประเด็นที่จะใช้ยื่นอุทธรณ์

กระนั้นก็ตามประเด็นที่ถูกจัดอันดับเป็นเรื่องร้อนประจำเดือนมิถุนายน ไม่ใช่เรื่องนายถวิล เปลี่ยนศรี ที่ไม่เปลี่ยนสี

แต่เป็นประเด็นนโยบายรับจำนำข้าวของรัฐบาล

ที่ฝ่ายค้านขยายผลจากการอภิปรายร่างพ.ร.บ. งบประมาณฯ เมื่อช่วงปลายเดือนพฤษภาคม มุ่งเขย่าใน 2 ประเด็นใหญ่ คือ การกล่าวหามีการทุจริตในโครงการ

โดยมีคนใกล้ชิดรัฐมนตรีเป็นตัวละครสำคัญ

และการดำเนินโครงการที่ก่อให้เกิดการสูญเสีย งบประมาณและขาดทุนถึง 2.6 แสนล้านบาท

ระหว่างที่ยังไม่มีการพิสูจน์ว่าตัวเลขขาดทุน ดังกล่าวชัวร์หรือมั่วนิ่ม

ยังปรากฏข่าวปล่อยออกมาว่า มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับโลกเตรียมปรับลดอันดับเครดิตประเทศไทย

ซึ่งถ้าจริงก็จะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจการลงทุนด้านอื่นๆ ตามมา

แต่จากนั้นไม่กี่วันปรากฏว่านักวิเคราะห์ความเสี่ยงของมูดี้ส์ที่ชื่อ นายสเตฟเฟน ไดค์ ออกมายืนยันว่า

โครงการรับจำนำข้าวจะไม่มีผลต่อการพิจารณาอันดับเครดิตของประเทศไทย อีกทั้งมูดี้ส์เอง จะยังคงอันดับความน่าเชื่อถือของไทยไว้เท่าเดิม ไม่ได้ปรับลดลงแต่อย่างใด

จึงน่าสงสัยว่าแล้วข่าวตอนแรกที่ว่าไทยจะถูก ปรับลดอันดับลง จากปัญหาขาดทุนจำนำข้าว 2.6 แสนล้านบาทนั้น ออกมาได้อย่างไร

ขณะเดียวกันทางซีกฝ่ายรัฐบาลกว่าจะตั้งหลักได้ ไม่ว่าการให้สัมภาษณ์ชี้แจงของพ.ต.นพ. วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ เลขานุการรมว.พาณิชย์

หรือการเปิดแถลงข่าวปฏิเสธตัวเลขขาดทุนจำนำข้าว 2.6 แสนล้านของนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์

ก็เป็นเวลาถึง 1 สัปดาห์เต็มภายหลังจากการอภิปรายของฝ่ายค้านในสภา

ความล่าช้าในการตอบโต้ข้อโจมตี นอกจากสะท้อนถึงความไม่พร้อมด้านข้อมูล ยังเป็นการเพิ่มข้อสงสัยในข้อเท็จจริงให้กับประชาชนในสังคม

ยุทธวิธีนิ่งสงบสยบเคลื่อนไหว ใช้ไม่ได้กับนโยบายรับจำนำข้าว

แน่นอนว่าการขาดทุนจากนโยบายรับจำนำข้าว ไม่ใช่เรื่องนอกเหนือความคาดหมาย และสิ่งที่ประชาชนต้องการไม่ใช่การล้มเลิกโครงการ

แต่สิ่งที่ประชาชนอยากรู้คือรัฐบาลเตรียมแผนรับมือกับการขาดทุนนี้อย่างไร หรือหากจะมีการปรับลดหลักเกณฑ์บางอย่างลง ก็อยู่ในวิสัยที่เกษตรกรชาวนารับได้

เพียงแต่ต้องบอกกล่าวให้ชัดเจนเท่านั้น

ความเพลี่ยงพล้ำของรัฐบาลครั้งนี้

ทำให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ ต้องประชุมด่วนคณะรัฐมนตรี เพื่อปรับแผนประชาสัมพันธ์ข้อมูลการทำงานของรัฐบาลครั้งใหญ่ ครอบคลุม 5 ด้าน คือ ด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง ความมั่นคง และการต่างประเทศ

มี 3 รมต.ประจำสำนักนายกฯ นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล นาย วราเทพ รัตนากร และน.ส.ศันสนีย์ นาคพงศ์ เป็นประธาน

ยังมี 5 เรื่องหลักที่ นายกฯ มอบให้รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องดูแลโดยตรง

โครงการการก่อสร้างระบบโครงสร้างพื้นฐานการคมนาคมขนส่งของประเทศ 2 ล้านล้านให้นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รมว.คมนาคม รับผิดชอบ

โครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้าน นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกฯ รับผิดชอบ

โครงการรับจำนำข้าว นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกฯ และรมว.คลัง รับผิดชอบ

การแก้ไขปัญหาภาคใต้ พล.อ.อ. สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม รับ ผิดชอบ

และการสร้างความปรองดองสมานฉันท์และการเมือง นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกฯ และรมว.ศึกษาธิการ เป็นผู้รับผิดชอบ

ทั้งยังให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือไอซีที จัดระบบรวบรวมข้อมูลแต่ละกระทรวงจัดทำเป็น "คลังข้อมูล"

เพื่อให้ผู้ที่เกี่ยวข้องดึงไปใช้ชี้แจงรายละเอียดเข้าถึงกลุ่มประชาชนทางช่องทางต่างๆ เช่น ทวิตเตอร์ อินเตอร์เน็ต ได้อย่างรวดเร็วฉับไว

กล่าวกันว่าโครงการรับจำนำข้าว ก็เป็นเช่นเดียวกับโครงการกู้เงิน 2 ล้านล้านบาท เพื่อพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งของประเทศ

คือหากรัฐบาลสามารถเดินหน้าต่อจนสุดซอย หรือจนกว่าจะถึงการเลือกตั้งสมัยหน้า บนเงื่อนไขว่าต้องไม่มีการทุจริตโครงการเด็ดขาด

ก็คาดหมายได้ว่า รัฐบาลเพื่อไทยยังจะได้รับเสียงสนับสนุนจากประชาชนทั้งระดับรากหญ้าและชนชั้นกลางทั่วประเทศ

เป็นเครื่องการันตีอนาคตทางการเมือง เพิ่มสถิติชนะการเลือกตั้ง 5 ครั้งรวด ส่งให้น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กลับมาเบิ้ลเก้าอี้นายกฯ สมัยที่สอง

ซึ่งก็เป็นคำตอบเดียวกันว่า ทำไมฝ่ายค้านและ กลุ่มเครือข่ายต่อต้านรัฐบาล ถึงต้องเร่งเกมเตะสกัดโครงการรับจำนำข้าว และโครงการกู้ 2 ล้านล้าน ให้ล้มคว่ำ

ตั้งแต่ต้นซอยและกลางซอย


หน้า 3




// //

Copyright (c) 2010 munjeed.com All rights reserved.