วันนี้ (8 มิ.ย.)นายแพทย์ภาณุมาศ ญาณเวทย์สกุล ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 11 จังหวัดนครศรีธรรมราช เผย สำหรับสถานการณ์โรคไข้เลือดออกในพื้นที่ 7 จังหวัดภาคใต้ตอนบน ตั้งแต่วันที่  1 ม.ค. 56 – 1 มิ.ย. 2556 พบผู้ป่วยจำนวน 5,471 ราย เสียชีวิต 8 ราย จังหวัดที่มีอัตราป่วยต่อประชากรแสนคนสูงสุด คือ กระบี่ รองลงมา คือ ภูเก็ต  พังงา นครศรีธรรมราช ชุมพร สุราษฎร์ธานี และ ระนอง แนวโน้มการแพร่ระบาดของโรคไข้เลือดออกสูงขึ้น สาเหตุมาจากสภาพอากาศที่มีการเปลี่ยนแปลง อากาศร้อน สลับฝนตก ทำให้น้ำท่วมขัง เกิดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย ดังนั้นขอให้ทุกคนตระหนักและให้ความสำคัญ กับการป้องกันอย่าให้ป่วย โดยเริ่มที่ตัวเองก่อน

 

 “โดยให้ใช้หลักมาตรการ 5 ป 1 ข  ประกอบด้วย ปิด คือปิดฝาภาชนะกักเก็บน้ำให้มิดชิดป้องกันยุงลายลงไปวางไข่ เปลี่ยน น้ำในแจกัน ถังเก็บน้ำ ทุก 7 วัน เพื่อตัดวงจรลูกน้ำที่จะกลายเป็นยุง ปล่อย ปลาหางนกยูง ปลากินลูกน้ำในอ่างบัวอ่างปลูกพืชน้ำต่างๆ ในบริเวณบ้าน ปรับปรุง สิ่งแวดล้อม ให้โปรดโปร่งโล่งสะอาด ไม่ให้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ลูกน้ำยุงลาย และปฏิบัติ เป็นนิสัยอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกสัปดาห์ เพื่อตัดวงจรชีวิตของยุง สำหรับมาตรการ 1 ข คือ ขัดล้างไข่ยุงลาย ที่อาจติดอยู่กับภาชนะที่ใช้ใส่น้ำต่าง ๆ ภายในบ้านเรือน  และระวังอย่าให้ยุงกัด โดยทาโลชั่นกันยุงทุกครั้ง หรือใช้พืชสมุนไพรไล่ยุง เช่น ตะไคร้หอม มะกรูด เป็นต้น และเพื่อป้องกันการช็อกและเสียชีวิต ควรสังเกตอาการ หากมีอาการไข้สูง ไม่มีน้ำมูก หน้าแดง อ่อนเพลีย ซึม เบื่ออาหาร อาเจียน อาการไม่ดีขึ้นภายใน 2 วัน รีบพาไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุด”

 

นพ.ภาณุมาศ  ญาณเวทย์สกุล กล่าวอีกว่า  การป้องกันโรคไข้เลือดออกจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือของหน่วยงาน เครือข่ายต่างๆ และประชาชนทุกคน ในการเร่งกำจัดลูกน้ำยุงลายอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ   ทุกสัปดาห์ ตามมาตรการ 5 ป 1 ข ทั้งในบ้านและพื้นที่สาธารณะ เช่น โรงเรียน ศูนย์เด็กเล็ก ชุมชน สถานีขนส่ง สวนสาธารณะ รวมทั้งให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่รัฐในการพ่นหมอกควันกำจัดเชื้อยุงลาย และหากมีอาการไข้สูงไม่ควรนิ่งนอนใจ ควรรีบไปพบแพทย์ตรวจให้แน่ว่าเป็นโรคไข้เลือดออกหรือไม่ ห้ามซื้อยารับประทานเองโดยเด็ดขาด เพื่อไม่ให้ตนเองและคนในครอบครัวเสียชีวิตด้วยโรคไข้เลือดออก.