"ปู"ฟ้องโลก-รธน.50จำกัดปชต.

วันที่ 01 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 ปีที่ 23 ฉบับที่ 8189 ข่าวสดรายวัน

"ปู"ฟ้องโลก-รธน.50จำกัดปชต.

รายงานพิเศษ

หมายเหตุ : น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษในการประชุมประชาคมประชาธิปไตย ระหว่างการเยือนประเทศมองโกเลีย เมื่อวันที่ 29 เม.ย.

การตอบรับคำเชิญนอกจากต้องการเยือนมองโกเลีย ประเทศที่ประสบความสำเร็จในความเป็นประชา ธิปไตย และได้แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นเกี่ยวกับระบอบประชาธิปไตยแล้ว

การมาที่นี่เพราะความเป็นประชาธิปไตยมีความสำคัญต่อดิฉันอย่างมาก ที่สำคัญยิ่งกว่าคือความไม่เป็นประชาธิปไตยมีผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในไทย ประเทศบ้านเกิด

แนวทางประชาธิปไตยนำมาซึ่งความก้าวหน้าและความหวังสำหรับผู้คนจำนวนมาก ขณะเดียวกัน ผู้คนจำนวนมากได้เสียสละเลือดเนื้อและชีวิตเพื่อปกป้องรักษาและสร้างความเป็นประชาธิปไตย

ชัดเจนว่ารัฐบาลของประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชน ไม่ได้ได้มาฟรีๆ สิทธิ เสรีภาพและความเชื่อที่ว่ามนุษย์ทุกคนมีความเท่าเทียมกันนั้นได้มาด้วยการต่อสู้ ที่น่าเศร้าใจคือทำให้ต้องมีผู้เสียชีวิต

ที่เป็นเช่นนี้เพราะมีคนจำนวนไม่น้อยที่ไม่เชื่อในแนวคิดประชาธิปไตย คนเหล่านี้พร้อมให้ได้มาด้วยอำนาจและกดขี่การมีเสรีภาพ พวกเขาพร้อมเอารัดเอาเปรียบคนอื่น ไม่เคารพสิทธิมนุษยชนหรือความมีเสรีภาพ พวกเขาพร้อมใช้กำลังเพื่อกดขี่ให้คนอยู่ใต้อำนาจและยังใช้อำนาจในทางที่ผิด

หลายประเทศที่ความเป็นประชาธิปไตยหยั่งรากลึกแล้ว เป็นสิ่งที่ดีและเป็นความรู้สึกสดชื่นที่ได้เห็นกระแสประชาธิปไตยที่นำความเปลี่ยนแปลงสู่ประเทศต่างๆ จากปรากฏการณ์ อาหรับ สปริง ถึงช่วงเปลี่ยนผ่านในพม่าภายใต้การผลักดันของประธานาธิบดี เต็ง เส่ง

รวมถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ด้วยพลังของประชาชนคนไทยที่ทำให้ดิฉันมายืนอยู่ที่นี่ได้ในวันนี้

ในระดับภูมิภาค หลักการสำคัญๆ ในปฏิญญาอาเซียนยึดมั่นในหลักนิติธรรม ประชาธิปไตย และรัฐบาลภายใต้รัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตย แต่ทุกคนต้องระมัดระวังว่าแรงปฏิกิริยาต่อต้านประชาธิปไตย ไม่เคยถดถอยลดน้อยลง

ขอยกเรื่องของดิฉันเองเป็นอุทาหรณ์ ปี 1997 ไทยประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งร่างขึ้นโดยประชาชนมีส่วนร่วม เราทุกคนคิดว่ายุคใหม่ของประชาธิปไตยไทยมาถึงแล้ว และจะเป็นยุคสมัยที่ไร้การรัฐประหาร

แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้น รัฐบาลที่ได้รับการเลือกตั้งถึงสองครั้งสองหนด้วยเสียงส่วนใหญ่ ถูกล้มลงในปี 2006 ประเทศไทยเสมือนรถไฟตกราง ใช้เวลาเกือบ 10 ปีกว่าที่จะได้เสรีภาพแห่งประชาธิปไตยกลับคืนมา

รัฐบาลที่ดิฉันพูดถึงคือรัฐบาลที่พี่ชายของดิฉัน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีที่ได้รับการเลือกตั้งอย่างถูกต้องตามกฎหมาย หลายคนอาจบอกว่าเป็นเรื่องปกติในกระบวนการการเมืองที่รัฐบาลมาแล้วก็ไป

หากดิฉันและครอบครัวต้องเจ็บปวดแต่ฝ่ายเดียวก็คงจะปล่อยวาง แต่นั่นไม่ใช่ความเป็นไปที่เกิดขึ้น การรัฐประหารทำให้ไทยต้องถอยหลังและสูญเสียความน่าเชื่อถือต่อนานาชาติ หลักนิติธรรมและกระบวนการกฎหมายถูกทำลาย

โครงการและแผนงานที่พี่ชายของดิฉันริเริ่มตามที่ประชาชนต้องการ ถูกยกเลิก ประชาชนเกิดความรู้สึกว่าสิทธิเสรีภาพของเขาถูกปล้นไป

คำว่า "ไทย" หมายความว่า "อิสระ" ประชาชนคนไทยได้ลุกขึ้นต่อสู้เรียกร้องเพื่อให้ได้เสรีภาพคืนมา แต่เดือนพ.ค. 2553 มีการสลายการชุมนุมของผู้เรียกร้องกลุ่มคนเสื้อแดง จนทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 91 คนในใจกลางย่านธุรกิจของกรุงเทพฯ

คนบริสุทธิ์ถูกลอบยิงโดยสไนเปอร์ แกนนำการชุมนุมต้องติดคุกหรือหลบหนีไปต่างประเทศ ทุกวันนี้ยังคงมีเหยื่อทางการเมืองจากการเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยที่ติดคุกอยู่

คนไทยไม่ท้อถอยและยืนยันจะเดินไปข้างหน้า จนที่สุดรัฐบาลขณะนั้นต้องจัดให้มีการเลือกตั้ง ซึ่งก็มีฝ่ายที่มีปฏิกิริยาต่อต้านประชาธิปไตย ที่เชื่อว่าจะบริหารจัดการและบิดเบือนเจตนารมณ์ประชาธิปไตยได้ต่อ

ในที่สุดพวกเขาไม่สามารถปฏิเสธความต้องการของประชาชนได้ ดิฉันจึงได้รับการเลือกตั้งด้วยเสียงส่วนใหญ่ของประเทศ

แต่เรื่องราวก็ยังไม่จบ ยังมีความชัดเจนว่าผู้ที่มีปฏิกิริยาต่อต้านประชาธิปไตยยังคงอยู่ รัฐธรรมนูญที่ร่างขึ้นในรัฐบาลภายใต้คณะรัฐประหารได้ใส่กลไกที่ตีกรอบเพื่อจำกัดความเป็นประชาธิปไตย

ตัวอย่างหนึ่งที่ดีในประเด็นนี้เห็นได้จากครึ่งหนึ่งของวุฒิสภาไทยมาจากการเลือกตั้ง อีกครึ่งหนึ่งกลับได้รับการแต่งตั้งโดยกลุ่มคนเล็กๆ กลุ่มหนึ่ง

ยิ่งกว่านั้น กลไกที่เรียกว่าองค์กรอิสระได้ใช้อำนาจเกินขอบเขตแทนประชาชนเจ้าของอำนาจที่แท้จริง เป็นการดำเนินการเพื่อคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งมากกว่าเพื่อคนส่วนใหญ่ของสังคม

นี่คือความท้าทายของประชาธิปไตยไทยในปัจจุบัน ดิฉันต้องการเห็นความปรองดองเกิดขึ้นและประชาธิป ไตยของไทยพัฒนาให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น

สิ่งเหล่านี้จะเกิดได้ก็ด้วยหลักนิติธรรมและกระบวน การทางกฎหมายที่แข็งแรง มีขั้นตอนที่ชัดเจนโปร่งใส เมื่อนั้นทุกคนจะสามารถมั่นใจได้ว่าเขาจะได้รับการดูแลที่ยุติธรรม ซึ่งดิฉันได้ประกาศเป็นนโยบายต่อที่ประชุมของรัฐสภา

ความมีประชาธิปไตยทำให้เกิดเสถียรภาพทางการเมือง เกิดสภาพแวดล้อมที่ดึงดูดการลงทุน นำมาสู่การสร้างงานสร้างรายได้ ที่สำคัญเสรีภาพทางการเมืองเป็นการแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำด้วยการเปิดโอกาสทางเศรษฐกิจ

นำมาซึ่งการลดช่องว่างทางรายได้ระหว่างคนจนคนรวย นี่คือเหตุผลว่าทำไมจึงเป็นความสำคัญที่ต้องสร้างความแข็งแกร่งให้กับประชาชนระดับรากหญ้า

เราต้องเดินหน้าปฏิรูปการศึกษาและปลูกฝังวัฒนธรรมทางประชาธิปไตยในวิถีชีวิตของประชาชน เมื่อประชาชนมีความรู้ ก็จะสามารถตัดสินใจด้วยข้อมูลที่ครบถ้วน สามารถปกป้องความเชื่อของดิฉันจากผู้ที่ต้องการกดขี่

นี่คือเหตุผลที่ประเทศไทยสนับสนุนข้อเสนอของมองโกเลียในที่ประชุมใหญ่สหประชาชาติเกี่ยวกับการศึกษาและประชาธิปไตย การลดช่องว่างระหว่างคนรวยคนจนถือเป็นสิ่งสำคัญ ทุกคนควรมีโอกาสที่เท่าเทียมกัน เราต้องไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง

สิ่งนี้จะทำให้ประชาชนเป็นผู้มีส่วนร่วมที่แท้จริงในการพัฒนาเศรษฐกิจและเสริมสร้างประชาธิปไตยของประเทศ เราต้องการการนำที่ไม่จำกัดอยู่เฉพาะในซีกรัฐบาลแต่ในฝ่ายค้านและประชาชนทุกคนที่มีส่วนได้ส่วนเสีย ทุกคนต้องเคารพกฎหมายและช่วยกันสร้างประชาธิปไตย

อีกบทเรียนที่ได้เรียนรู้คือเพื่อนในต่างประเทศ มีความสำคัญ การกดดันจากนานาชาติที่เชื่อในระบอบประชาธิปไตยทำให้กระบวนการประชาธิปไตย ในประเทศไทยคงอยู่ได้

การคว่ำบาตรและการไม่ยอมรับเป็นกลไกที่สำคัญที่จะหยุดกระบวนการปฏิกิริยาที่ต่อต้านประชาธิปไตยเวทีนานาชาติ อย่างประชาคมประชาธิปไตยแห่งนี้มีบทบาทที่จะช่วยให้ประชาธิปไตยยืนหยัดอยู่ได้

การส่งเสริมและปกป้องประชาธิปไตยด้วยการหารือ แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นประสบการณ์และสร้างความร่วมมือ หากประเทศใดก็ตามมีการเปลี่ยนแปลงที่ขัดต่อหลักการประชาธิปไตย ทุกคนต้องร่วมกัน กดดัน

ขอยืนยันว่าจะให้การสนับสนุนเวทีนี้และการดำเนินงานของสภาบริหาร เพื่อช่วยให้ประชาธิปไตยแข็งแกร่งขึ้นทั่วโลก และขอชื่นชมประธานาธิบดีมองโกเลียสำหรับข้อริเริ่มความเป็นหุ้นส่วนเอเชียเพื่อประชาธิปไตย รัฐบาลไทยพร้อมส่งเสริมความร่วมมือส่วนนี้

ดิฉันหวังว่าความเจ็บปวดที่ครอบครัวของดิฉัน ได้รับ ที่ครอบครัวของเหยื่อทางการเมืองไทยและครอบครัวของผู้เสียชีวิตทั้ง 91 คนในเหตุการณ์เมื่อเดือนพ.ค. 2553 ต้องเผชิญ จะเป็นความเจ็บปวดครั้งสุดท้ายสำหรับประเทศไทย

หน้า 3