ส้มจี๊ดจอมประหยัด BMW X1 sDRIVE 20D (ตอนที่2)
 


ส้มจี๊ดจอมประหยัด BMW X1 sDRIVE 20D (ตอนที่2)


ส้มจี๊ดจอมประหยัด BMW X1 sDRIVE 20D (ตอนที่2)

ไม่ลองก็ไม่รู้ว่าประหยัดขนาดไหน บทความทดสอบ BMW X1 sDRIVE 20D ตอนสุดท้ายกับการรายงานผลการขับขี่บนสมรรถนะของความประหยัดในเครื่องยนต์ ดีเซลเทอร์โบเทคโนโลยี TwinPower Turbo...

ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติเยอรมันอย่าง BMW Group รู้ว่าจะต้องทำอะไรให้รถ X1 ดูดีถึงขั้นโดนใจลูกค้ากลุ่มพิเศษ คู่แข่งที่มีมากมายบนเรือนร่าง Crossover เช่น Toyota RAV4 / Honda CRV / Audi Q3 / Volvo XC60 รวมถึง MINI Countryman Cooper SD พี่น้องต่างสัญชาติที่กำลังมาแรงในตลาดรถลุยขนาดกะทัดรัด ทำให้ X1 ต้องพบกับโจทย์ที่ค่อนข้างยากในการที่จะเอาชนะรถเหล่านั้น ผมมีเวลามากถึง 6 วันในการขับทดสอบ BMW X1 20D sDRIVE X-Line ช่วงวันแรกๆ ของการลองจึงเป็นการขับใช้งานในเมืองซะเป็นส่วนใหญ่ ห้องโดยสารที่มีพื้นที่ไม่แตกต่างไปจาก Series-3 เท่าไหร่ แต่ความสูงและรูปแบบ 5 ประตูของ X1 ทำให้มันดูตัวโตเกินความเป็นจริง ในรุ่น X-Line ซึ่งเปรียบเหมือนรุ่น Minor Change 2013 ทำให้มันมีอุปกรณ์ที่เคยขาดหายไปเมื่อออกจำหน่ายในปี 2011 เป็นการเติมเต็มให้กับลูกค้าที่ต้องการออปชั่นเยอะๆ แต่ราคาค่าตัวก็ต้องจ่ายมากขึ้นตามไปด้วย บรรยากาศที่คุ้นเคยในห้องโดยสารส่งถ่ายความเป็นรถยนต์ BMW เอาไว้อย่างครบถ้วนแม้กระทั่งกลิ่นของเบาะหนังและกลิ่นของพลาสติกที่เป็นเอกลักษณ์ของค่ายใบพัดฟ้าขาว ความแพงท่ี่เพิ่มขึ้นนั้นนอกจากอุปกรณ์และการตกแต่งที่ดูดีขึ้นแล้ว เครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร สมรรถนะสูงก็ยังเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ค่าตัวของมันทะลุไปถึง 2.7 ล้าน


เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 2.0 ลิตร 181 แรงม้า มีอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่น่าทึ่ง เมื่อผมขับมันไปบนสภาพการจราจรที่สาหัสสากรรจ์จากจำนวนรถราที่เพิ่มขึ้นจนน่าตกใจ แรงบิด 380 นิวตันเมตรกับการเคลื่อนตัววิ่งๆ หยุดๆ หากเป็นเครื่องยนต์เบนซินมันคงสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงมากขึ้น ใน X1 โหมด ECO-PRO จะเข้ามาจัดการบริหารการใช้พลังงานอย่างชาญฉลาดและคุ้มค่าต่อเงินของคุณที่จะต้องจ่ายเป็นค่าน้ำมันเชื้อเพลิง อัตราสิ้นเปลืองในเมืองที่ทำได้ 12.98-14.05 กิโลเมตรต่อลิตร ทำให้เข็มวัดระดับเชื้อเพลิงในถังไม่ต่ำลงไปเร็วมากนัก มันจิบเชื้อเพลิงเท่าที่จำเป็นและดับเครื่องยนต์ทุกครั้งที่รถหยุดสนิทด้วย โหมด Auto Stop/Start หากรำคาญที่มันติดๆ ดับๆ ไปตลอดทางก็สามารถกดสวิตช์ยกเลิกการทำงานได้ด้วยสวิตช์ Auto Stop/Start On-Off ที่อยู่ใต้ชุดเครื่องเสียง สำหรับการปล่อยมลภาวะ เมื่ออยู่ในโหมด ECO-PRO และใช้งานระบบ Auto Stop/Start เครื่องยนต์จะดับทันทีที่รถหยุดเคลื่อนที่ และติดตัวเองอย่างรวดเร็วทันทีที่ถอนเท้าออกจากแป้นเบรก ระบบนี้ช่วยให้การจอดรถติดเครื่องยนต์ซึ่งใช้เชื้อเพลิงแบบไม่จำเป็นหมดไป แม้เครื่องยนต์จะดับ ระบบปรับอากาศก็ยังคงทำงานแต่คอมเพรสเซอร์แอร์จะหยุดทำงานไปด้วย เหลือเพียงพัดลมในห้องโดยสารเท่านั้นที่ยังคงทำงาน เมื่อเซ็นเซอร์ตรวจพบว่าอุณหภูมิภายในห้องโดยสารเริ่มอุ่นขึ้น จะสั่งให้เครื่องยนต์ติดตัวเองอีกครั้งเพื่อเปิดทางให้คอมเพรสเซอร์แอร์กลับมาให้ความเย็นในห้องโดยสารจนกว่าระดับอุณหภูมิจะเท่ากับที่ตั้งไว้บนหน้าจอ คุณต้องแลกกับความไม่คุ้นชินและน่ารำคาญเมื่อมันกระตุกทุกครั้งที่ เครื่องยนต์ติด ตั้งแต่ผมขับรถทดสอบที่มีระบบ Auto Stop/Start ทั้ง Honda Jazz Hybrid /Toyota Prius Hybrid / Mercedes Benz C200-C250 /Porsche Cayenne S Hybrid กับ Series-3-5-7 รุ่นล่าสุดก็ยังไม่เคยพบกับความนิ่มนวลไร้อาการกระตุกกระชากเมื่อระบบ Stop/Start ทำงานเลยแม้แต่คันเดียว


ท่านั่งที่ค่อนข้างสูงของ X1 เหมาะกับสไตล์ Crossover ตำแหน่งการขับขี่ที่ดีทำให้คุณมองเห็นได้อย่างทั่วถึง กระจกบานหน้าที่ให้มุมมองเปิดโล่งกับการขับขี่ที่นุ่มนวลหนึบแน่นแบบ BMW ทำให้มันมีการขับขี่ที่ดีอยู่เหนือ MINI Countryman ในบางจุด เสียงเครื่องยนต์ดีเซลนั้นดังเป็นปกติอยู่แล้ว แต่การเก็บเสียงชั้นเลิศของห้องโดยสารทำให้คุณได้ยินเพียงแค่เสียงยางเมื่อความเร็วเกิน 90-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ยาง Goodyear ExcellenceGrip Runflat ขนาด 225/45/R18 ถึงแม้จะเป็นยางแบบ Runflat ที่มีแก้มยางแข็งมากกว่ายางแบบปกติแต่ก็ยังนิ่มกว่ายาง Runflat ของ Bridgestone รุ่น Potenza ตระกูล RE 050-060 ที่มีแก้มแข็งราวกับหินและส่งเสียงดังหึ่งๆ ไปตลอดทาง การยึดเกาะของช่วงล่างและยางอยู่ในระดับที่ดีทั้งความเร็วต่ำและความเร็วเดินทาง รถทดสอบ X1 20D sDRIVE X-Line คันนี้วิ่งมาแค่ 6,000 กิโลเมตร ทุกอย่างจึงใหม่และทำงานได้เป็นอย่างดี เกียร์ออโต้ 8 สปีดของ ZF ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่รถโมเดล X1 นำระบบเกียร์แบบนี้มาใช้งาน อัตราทดที่ครอบคลุมและไหลลื่นตามแบบของระบบส่งกำลังชั้นดีจากเยอรมันทำให้ประสิทธิภาพด้านการถ่ายเทแรงบิดนั้นโดดเด่นเกินหน้าเกินตาคู่แข่งอยู่บ้าง รอบเครื่องยนต์ 1,750 รอบต่อนาที บนความเร็วเดินทางในระดับ 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมงกับเครื่องยนต์ดีเซลอัดเทอร์โบขนาด 2.0 ลิตร ส่งความประหยัดให้กับเจ้าของรถทุกคน มันจิบเชื้อเพลิงน้อยกว่า MINI Countryman Cooper SD แถมยังมีอัตราเร่งและแรงดึงที่น่าประทับใจกว่าเมื่อต้องการเร่งแซง ภาพลักษณ์ของเครื่องยนต์ดีเซลในอดีตที่แสนจะดังและสั่นสะเทือนกำลังจะถูกลบเลือนด้วยสมรรถนะและประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบยุคใหม่ที่นิ่ง และเงียบ กำลังในรูปของแรงบิดรอบต่ำมีมาให้อย่างเหลือเฟือ เพียงพอสำหรับการออกตัวอย่างรวดเร็วหรือแซงรถช้าได้อย่างสบายๆ แบบไม่ต้องลุ้นให้เหนื่อยว่าจะพ้นหรือไม่พ้น


น้ำหนักของพวงมาลัยไฟฟ้าแบบ Power steering Electronic Servo Valve ให้สัมผัสและความรู้สึกใกล้เคียงกับการขับ Srries-3 E90 ทั้งน้ำหนักและความแม่นยำที่ดีเยี่ยม วงพวงมาลัยที่คล้ายกันกับของ E90 ทั้งขนาดและความกระชับของกริ้บทำให้ผมชอบพวงมาลัยของ X1 มากกว่า Series-3 F30 ที่มีความเบาสบายกว่า น้ำหนักที่หน่วงมาให้สำหรับนักขับที่ต้องการทั้งความคมและความแม่นยำเมื่อ หมุนพวงมาลัยมีมาให้ใน X1 แต่คุณอาจไม่ชอบหากชินกับความเบาสบายมือของพวงมาลัยไฟฟ้าในรถญี่ปุ่นแบบ New CRV หรือ New RAV4 การทำงานของแชสซีและพวงมาลัยคล้ายกับกำลังขับ Series-3 รุ่น Touring 5 ประตูแทบจะไม่ผิดเพี้ยน การเชื่อมต่อระหว่างช่วงล่างและระบบบังคับเลี้ยวทำให้คุณผ่อนคลายไปตลอดเส้นทางและไม่ต้องคอยระวังประคองพวงมาลัยที่ย่านความเร็วสูงจากอัตราทดแบบแปรผันของพวงมาลัยไฟฟ้าที่คิดค้นโดยวิศวกรของ BMW ความกระด้างของช่วงล่างถูกลดทอนลงให้อยู่ในระดับที่รับได้จากความสูงของตัวรถ ถึงแม้ว่าตัวจะสูงแต่การทรงตัวกลับทำได้ดีสมกับความเป็นรถยนต์ BMW รถ X1 ค่อนข้างมั่นคงเมื่อวิ่งด้วยความเร็วเดินทางบนไฮเวย์ บวกกับประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ดีเซลที่ใช้เทคโนโลยี TwinPower Turbo และ BMW EfficientDynamics โดยเทอร์โบแปรผันแบบ Twin Scroll คอยอัดอากาศในทุกๆ รอบเครื่องยนต์ หัวฉีดตรงแบบคอมมอลเรลไดเรคอินเจคชั่นและระบบ Valvetronic ทำให้ทุกวันนี้ เครื่องยนต์ของค่าย BMW ไม่ว่าจะเป็นเครื่องเบนซินหรือดีเซลมีขนาดเล็กลง มีน้ำหนักเบาขึ้นและมีประสิทธิภาพสูงกว่าเดิมทั้งอัตราเร่งและค่าความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงตลอดจนการคายไอเสีย มันเหนือกว่าเครื่องยนต์แบบ 6 สูบรุ่นเก่าที่ทั้งกินจุและมีขนาดใหญ่ รวมถึงน้ำหนักเครื่องพร้อมเกียร์ก็ยังมากกว่า แถมยังปล่อยมลภาวะเยอะกว่าแบบเห็นๆ สมรรถนะที่ได้รับจากเครื่องยนต์ตัวเล็กแรงเยอะรุ่นใหม่ ทำให้อีกไม่นานนับจากนี้ เครื่องยนต์ 1.6 ลิตรอัดเทอร์โบของ BMW ในยุคต่อไปจะมีเรี่ยวแรงให้ใช้มากถึง 200 แรงม้าอย่างแน่นอน


เครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตรที่มีระบบอัดอากาศเทอร์โบของ BMW เดินเรียบและพร้อมที่จะปลดปล่อยพลังในรูปของแรงบิดเกือบๆ 400 นิวตันเมตร บนทางตรงยาวข้ามจังหวัด มันส่งแรงบิดได้อย่างต่อเนื่องและยาวนานแม้รอบเครื่องยนต์สูงสุดของ X1 ในรุ่นดีเซลจะมีไม่มากเท่ากับรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน โดยปกติแล้วมันให้ความรู้สึกเหมือนคุณกำลังควบรถซีดานมากกว่า มันสร้างความพึงพอใจในการขับทางไกลได้ดี น้ำหนักของแป้นเบรกและคันเร่งดี เกียร์ก็เรียนรู้ได้อย่างชาญฉลาดเหมือนกับรู้ว่าคุณต้องการใช้เกียร์อะไร ในโหมดแมนวลที่ต้องชิฟเกียร์ผ่านแป้น Paddle Shift สมองกลเกียร์จะวิเคราะห์ถึงรอบเครื่องยนต์ที่มีความเหมาะสมกับการเปลี่ยนอัตราทดเพื่อป้องกันเกียร์ลาจากก่อนเวลาอันควร แม้จะเป็นรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อหลังแต่การยึดเกาะกับผิวถนนทำได้อย่างน่าประทับใจ DNA ของรถสปอร์ตแบบที่ BMW ถนัด ส่งผลให้ X1Minor Change 2013 คันนี้ขับขี่ได้อย่างสนุกสนานและคล่องแคล่วว่องไว แม้รูปลักษณ์จะขัดแย้งกับตัวตนที่แท้จริง มันไม่ใช่รถยนต์ที่อยู่สุดขั้วด้านการลุยหรือการทำความเร็ว เพียงแต่ความอเนกประสงค์แบบกลางๆ ของมันครอบคลุมการใช้งานได้มากกว่ารถซีดาน 4 ประตู เจ้าของรถส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีใครเอา X1 ไปลุยทางฝุ่นกันมากนักจากระดับค่าตัว 2.7 ล้าน แต่มันลุยได้ดีบนเส้นทางแบบลูกรังหรือทางคดเคี้ยวขึ้นเขา-ลงห้วยที่อุดมไปด้วยสารพัดโค้งแปลกๆ หรือหลุมบ่อที่ีไม่ใหญ่มากนัก ความสบายในห้องโดยสารกับสมรรถนะของเครื่องยนต์ ระบบส่งกำลังและช่วงล่างรวมถึงพื้นที่สำหรับขนของจะทำให้คุณลืม Series-3 เมื่ิอขับใช้งานเจ้า X1 ไปได้สักระยะ ใต้ท้องรถที่สูงกว่าและชิ้นงานพลาสติกที่หุ้มซุ้มล้อจะช่วยให้ลุยพื้นที่ทุรกันดารแบบไม่โหดมากได้อย่างสะดวก และอยู่รอดปลอดภัยแม้จะขับเคลื่อนเพียงแค่สองล้อหลัง


สีสันของฤดูร้อนในช่วงต้นเดือนเมษายนบนเส้นทางมวกเหล็กมุ่งหน้าสู่อำเภอหมูสี มีความร้อนและ แห้งแล้งแบบสุดๆ หญ้าคาสองข้างทางขาดน้ำจนเปลี่ยนมาเป็นสีน้ำตาลเต็มท้องทุ่ง รวมถึงต้นไม้ใบไม้บนภูเขาที่ต้องปรับตัวเองเพื่อลดการใช้น้ำด้วยการผลัดใบ ทำให้วิวทิวทัศน์ของเขาใหญ่ในเดือนเมษายนมีสีสันออกโทนสีน้ำตาลที่ีแปลกตา ผมใช้ความเร็วต่ำโดยวิ่งลัดเลาะไปตามทางลาดยางสองเลนสวนเพื่อมุ่งหน้าไปยัง มุติมายา ระบบนำทางและกำหนดพิกัดด้วยดาวเทียมของรถ X1 X-Line 2013 แสดงผลผ่านหน้าจอขนาด 8.8 นิ้ว แผนที่ของระบบนำทาง GPS แม้จะไม่ละเอียดมากนักและยังบอกเส้นทางด้วยภาษาอังกฤษทั้งหมด แต่หมายเลขทางหลวงจังหวัดยังคงปรากฏทุกครั้งที่เปลี่ยนทิศทาง ผมขับผ่านเนินเขาน้อยใหญ่มาจนถึงปากทางเข้าวนอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ทางฝั่งปากช่อง หักเลี้ยวซ้ายไปทางวังน้ำเขียวซึ่งมีทางลาดยางที่แคบลงและต้องใช้ความระมัดระวังเพิ่มมากขึ้น แม้พื้นที่ป่าแถบนี้จะโดนครอบครองโดยนักลงทุนซะเป็นส่วนใหญ่ซึ่งแปรสภาพภูมิประเทศแบบป่าเขาทุ่งราบให้กลายเป็นโรงแรมระดับ 5 ดาว หรือสนาม Golf เพื่อรองรับความเจริญรวมถึงการเติบโตของเมืองโคราชกับธุรกิจท่องเที่ยวที่ขยายตัวอย่างไม่หยุดยั้ง แต่ความงดงามของสองข้างทางบนเส้นทางในอำเภอหมูสียังคงเหลืออยู่แม้จะไม่มากเหมือนเมื่อก่อน บนถนนที่คดเคี้ยวการถ่ายเทมวลของ X1 ไปตามทางโค้งยังให้ความมั่นคงที่ดี ตัวเลขการกระจายน้ำหนัก 50:50 ซึ่งใช้การร่นเครื่องยนต์และเกียร์เข้าไปใกล้กับตำแหน่งจุดศูนย์กลาง ทำให้การทรงตัวไม่ได้ด้อยลงแม้ความสูงจะมากกว่ารถซีดาน ระบบช่วยทรงตัวหรือ Traction Control ที่มีสวิตช์ยกเลิกติดมาด้วยช่วยให้การใช้ความเร็วในโค้งมีความสมดุล เปิดมันทิ้งไว้หากคุณเป็นพวกเท้าหนักและชอบขับเร็วมากกว่าไหลไปเรื่อยๆ มันจะคอยช่วยให้คุณเข้าโค้งได้เร็วขึ้นอีกนิดหน่อย และเข้ามาแทรกแซงทันทีที่รถเริ่มเสียอาการเพื่อทำให้คุณมีความปลอดภัยมากขึ้น มันจะลดความเร็วและช่วยให้ล้อข้างที่กำลังสูญเสียแรงยึดเกาะกลับมากดจิกกับผิวถนนอีกครั้ง


อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง สำหรับการขับทางไกลบนรถ X1 รุ่นเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 2.0 ลิตร ทำได้ 14.78 กิโลเมตรต่อลิตร ทำให้ผมขับไป-กลับจากกรุงเทพฯ-ชลบุรี โดยยังคงมีน้ำมันเหลืออยู่ในถังอีก เพียบ และขับจากกรุงเทพฯ ไปยังอำเภอหมูสีในจังหวัดนครราชสีมาวกกลับมาที่เดิมซึ่งยังมีเชื้อเพลิงในถังน้ำมันพอเพียงที่จะขับไปคืนที่อาคารออลซีซั่นเพลสบนถนนวิทยุ รวมระยะทางที่วิ่งไปทั้งหมดเกือบๆ 700 กิโลเมตร มันเป็นรถที่ประหยัดเชื้อเพลิงได้อย่างน่าทึ่งสำหรับการทดสอบที่ไม่มุ่งเน้นไปที่การวิ่งคลานช้าๆ เป็นการขับที่ใช้ความเร็วเป็นครั้งคราวเพื่ิอหลีกเลี่ยงรถช้าและเปิดแอร์ปิดกระจกรวมถึงยังกดสวิตช์ยกเลิกโหมด Auto Stop/Start ที่น่ารำคาญอีกด้วย โดยภาพรวมแล้ว เงิน 2.7 ล้านที่คุณจะต้องจ่ายสำหรับการขับเจ้า X1 รุ่นปรับโฉมออกจากโชว์รูมส์ สิ่งที่ได้รับกลับมาคือการขับขี่ที่ดีและให้ความรู้สึกแทบจะไม่แตกต่างไปจากการควบ Series-3 เท่าใดนัก พื้นที่เหนือศีรษะที่ทำให้ไม่รู้สึกอึดอัดอีกต่อไป กับภายในที่หรูหราด้วยวัสดุและอุปกรณ์ เช่น หนัง อะลูมินั่มอัลลอย ลายไม้แบบผิวด้าน พรมเนื้อดี ตลอดจนพลาสติกเกรดสูงที่ประดับประดาอยู่ทั่วทั้งคัน จอของระบบ iDRIVE ใหญ่โตถึง 8.8 นิ้วเท่าๆ กับของ 528i Sport ซึ่งมีค่าตัวแพงกว่ากันมาก คุณจะได้เครื่องยนต์ดีเซลอัดเทอร์โบที่ทั้งทนและแรง ซึ่งมีแรงบิดครอบคลุมทุกระดับของการใช้งาน

เงินเกือบๆ 3 ล้านที่ต้องจ่ายไป แลกกลับมาด้วยระบบส่งกำลังแบบ 8 สปีดที่มีประจำการอยู่ใน BMW รุ่นล่าสุดทุกคัน ยกเว้นรุ่นที่ลงออปชั่นเสริมเป็นเกียร์ M-DCT 7 หรือ 7-Speed M Double Clutch Transmission With Drivelogic ที่มีในรถเวอร์ชั่น M พลังสูง แต่ด้วยเกียร์ 8 สปีดของ ZF ที่เข้ามาช่วยลดรอบเครื่องยนต์ไม่ให้สูงจนเกินไป ผลลัพธ์คือความประหยัดที่คุณคาดไม่ถึง สิ่งที่ไม่ชอบใน X1 ก็มีอยู่บ้าง เช่น หน้าตาที่คล้ายกับหมูของมันซึ่งเคยโดนวิจารณ์อย่างหนักตั้งแต่ตอนเผยโฉม เมื่อสองปีก่อน รถรุ่น Minor Change ของ X1 ถูกทำให้ดูดีขึ้นแต่ไฟหน้าและกระจังรูปไตคู่ก็ยังไม่เข้ากันอยู่ดี แต่จะไปสนใจทำไมในเมื่อมันขับได้ดีและประหยัดขนาดนี้ หากสนใจก็ลองไปหาขับทดสอบดูว่ามันโดนและตรงกับความต้องการของคุณหรือเปล่า สำหรับผมแล้ว เวลา 6 วันที่ได้อยู่ร่วมกันบนถนนกับเจ้า X1 ทำให้ผมชอบมันมากกว่ารุ่นก่อนปรับโฉมที่ได้ทดสอบไปเมื่อปี 2011 มันคือช่วงเวลาที่ร้อนสุด เหนื่อยสุดแต่ก็มีความสุขที่ได้พบกับธรรมชาติสวยๆ ของเมืองไทย โดยมี X1 20D sDRIVE X-Line เป็นพาหนะที่ใช้เดินทาง มันดีและทำให้ผมคิดถึงมันทุกครั้งที่นึกอยากจะขับรถเพื่อพักผ่อนเดินทางไกลกับครอบครัว.

อาคม รวมสุวรรณ
E-mail [email protected]
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom

 



// //

Copyright (c) 2010 munjeed.com All rights reserved.