วกฤต"แช่แข็ง" เดิมพันประเทศ

 


วกฤต"แช่แข็ง" เดิมพันประเทศ


วกฤต
วันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 ปีที่ 22 ฉบับที่ 8032 ข่าวสดรายวัน


วกฤต"แช่แข็ง" เดิมพันประเทศ





แล้วการเมืองไทยก็มาถึงจุดหัวเลี้ยวหัว ต่อสำคัญอีกครั้ง"แต่หากการรวมตัวชุมนุมกัน ซึ่งจากรายงานของฝ่ายความมั่นคง เป็น การระดมผู้คนจำนวนมาก ภายใต้แกนนำที่มีท่าทีที่ต้องการจะล้มล้างรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ล้มล้างระบอบประชาธิปไตย อันขัดต่อบทบัญญัติ ของรัฐธรรมนูญ ทั้งพร้อมจะใช้ความรุนแรง มีแนวคิดที่จะบุกรุกสถานที่สำคัญและสร้างความวุ่นวาย กระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ที่เป็นปกติของสาธารณชนเพื่อให้บรรลุวัตถุ ประสงค์ดังกล่าว ซึ่งเมื่อเป็นภัยต่อความมั่นคงและความสันติสุขของประชาชน ซึ่งดิฉันไม่ต้องการให้เหตุ การณ์เช่นนั้นเกิดขึ้น"

คือถ้อยความบางช่วงบางตอนที่ น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีแถลงผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจหรือทีวีพูล เมื่อช่วงค่ำวันที่ 22 พ.ย. ที่ผ่านมา

เพื่อชี้แจงถึงสาเหตุที่รัฐบาล ภายหลัง การประชุมคณะรัฐมนตรีย่อย 9 คน ที่มี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ เป็นหัวหน้าคณะ และหน่วยงานความมั่นคง ประกอบด้วย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.)

มีความจำเป็นต้องประกาศใช้พ.ร.บ. การรักษาความมั่นคงภายในราช อาณาจักร พ.ศ.2551 หรือพ.ร.บ.ความมั่นคง เป็นเวลา 9 วัน ระหว่าง 22-30 พ.ย. ครอบคลุมพื้นที่ 3 เขต คือ เขตดุสิต เขตพระนคร เขตป้อมปราบฯ อันเป็นที่ตั้งของสถานที่ราชการสำคัญและสถานที่ที่มีความละเอียดอ่อน

เพื่อเป็นมาตรการรับมือการเคลื่อนไหวขององค์การพิทักษ์สยามและกลุ่มภาคีเครือข่าย ที่นัดชุมนุมใหญ่ "แช่แข็งประเทศ" เริ่มต้นวันที่ 24 พ.ย. เป็นต้นไป

ส่วนจะจบลงใน 1-2 วัน หรือยืดยาวไปกว่านั้น

นอกจากขึ้นอยู่กับจำนวนคนที่มาร่วมชุมนุม ยังขึ้นอยู่กับองค์ประกอบสำคัญอื่นอีกด้วย

ก่อนการประกาศใช้พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ในส่วนของรัฐบาลเองก็มีความเห็นแตกต่างกัน

ฝ่ายไม่เห็นด้วยนั้นมองว่า รัฐบาลไม่ควรให้น้ำหนักม็อบเสธ.อ้ายมากเกินไป เพราะถึงจะมีมือที่มองไม่เห็น พรรค การเมือง และกลุ่มพันธมิตรฯ ช่วยระดมคนเข้าร่วมชุมนุมจำนวนนับหมื่นคน

แต่ด้วยเนื้อหาสาระของม็อบที่เรียกร้องให้แช่แข็งปิดประเทศ เป็นการสวนกระแสประชาธิปไตยแบบจังๆ ทำให้ประชาชนในสังคมส่วนใหญ่ไม่ยอมรับ

สะท้อนได้จากผลสำรวจโพลต่างๆ ก่อนหน้านี้ ตลอดจนการเคลื่อนไหวของกลุ่มนิสิต นักศึกษา ภาคประชาชนผู้ฝักใฝ่ระบอบประชาธิปไตย ที่ออกมารณรงค์ต่อต้านการแช่แข็ง ไปทั่วทุกมุมเมือง

กระทั่งคนเสื้อแดงเองที่ขึ้นป้าย จัดเวทีต่อต้านม็อบเสธ.อ้ายอย่างถี่ยิบตามจังหวัดหัวเมืองใหญ่ๆ

แกนนำบางคนก็มีความเห็นว่ารัฐบาลไม่ควรประกาศใช้พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ กับการชุมนุมของประชาชน เลียนแบบรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เพราะเกรงจะเกิดเหตุรุนแรงซ้ำรอย นำไปสู่ความวุ่นวายไม่จบสิ้น

ไม่ต้องพูดถึงว่าภาพลักษณ์ประเทศจะเสียหายขนาดไหน

หากรัฐบาลนำกฎหมายปกติที่มีอยู่มาบังคับใช้อย่างเข้มแข็ง น่าจะพอเหมาะพอดีกับสถานการณ์มากกว่า เนื่องจากมีความเป็นไปได้มากว่าม็อบเสธ.อ้ายจะฝ่อแฟบลงในเวลาอันรวดเร็วภายใน 1-2 วัน

ขณะที่ฝ่ายเห็นด้วยมองว่า การประกาศใช้พ.ร.บ.ความ มั่นคงฯ สมน้ำสมเนื้อกับสถานการณ์ดีแล้ว เพราะถึงเสธ.อ้ายบอกว่าจะไม่มีการเคลื่อนขบวนไปบุกรุกหรือปิดล้อมสถานที่ราชการสำคัญเด็ดขาด

แต่ก็เป็นคำยืนยันที่ไม่มีน้ำหนัก

เพราะอย่างที่รู้กันว่า เสธ.อ้ายเป็นแค่หัวหน้า "ม็อบนอมินี" เป็นหุ่นชักหุ่นเชิดให้ขบวนการ "คนหน้าเดิม" ที่เคยอยู่เบื้องหลังการก่อรัฐประหาร 19 กันยาฯ 2549 โค่นล้มรัฐบาลทักษิณ ต่อเนื่องรัฐบาลสมัคร-สมชาย มาแล้ว

รวมถึงการข่าวของหน่วยงานความ มั่น คงที่สืบเสาะได้ข้อมูลมาว่า ผู้อยู่ เบื้องหลังม็อบเสธ.อ้าย เตรียมที่จะสร้างสถานการณ์บางอย่าง

ให้บรรลุเป้าหมายแช่แข็งประเทศแบบม้วนเดียวจบ

จากการข่าวที่ฝ่ายความมั่นคงได้รับมา และเป็นประเด็นสำคัญให้ต้องเสนอรัฐบาลประกาศใช้พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ นั่นคือการสร้างสถานการณ์ปั่นป่วนเป็นขั้นเป็นตอน

เริ่มจากยิงหรือปาระเบิดใส่ม็อบเพื่อให้เกิดความตื่นตระหนก แล้วแตกฮือจากลานพระบรมรูปฯ หลบหนีเข้าไปยังสถานที่เป้าหมายสำคัญ 3 แห่ง คือ สนามเสือป่า วัดเบญจมบพิตร และสถานที่ที่มีความอ่อนไหวสูงสุด

การสร้างสถานการณ์ก็เพื่อกดดันให้ทหารออกจากกรมกอง เข้ามามีบทบาทเคลียร์สถานการณ์ จากนั้นประเทศก็จะเข้าสู่ภาวะแช่แข็งโดยปริยาย

จึงไม่แปลกที่ภายใต้บรรยากาศความ อึมครึม ท่าทีของกองทัพจะถูกสังคมเพ่งเล็งเป็นพิเศษ เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่ากองทัพคือปัจจัยชี้ขาดสำคัญในสถานการณ์ตอนนี้

ส่วนใครคือผู้ได้ประโยชน์จากการแช่แข็งประเทศรอบใหม่ คงหนีไม่พ้นกลุ่มคนคุ้นหน้าคุ้นตาที่เคยร่วมกันแช่แข็งประเทศมาแล้วเมื่อ 6 ปีก่อน

โดยเฉพาะบางพรรคการเมืองที่รู้ตัวดีว่า ถ้าหากสู้กันในคูหาเลือกตั้งตามกติกาประชาธิปไตยซึ่งมีประชาชนทั้งประเทศเป็นกรรมการตัดสินแพ้ชนะ

สู้ให้ตายยังไงก็ไม่มีวันสู้พรรคแกนนำรัฐบาลในปัจจุบันที่นับวันยิ่งทวีความแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆ ได้

การแอบหนุนม็อบแช่แข็งแบบลับๆ ด้วยการขนส่งเสบียงกรังและกำลังคนเข้ามาสมทบ จึงเป็นวิธีหนึ่งที่พรรคการเมืองดังกล่าวเลือกใช้

ในยามที่เกมล้มรัฐบาลในสภาส่อเค้าว่าจะไม่เวิร์ก ไหนจะยังมีคดีความใหญ่ๆ รายล้อม รุกไล่ใกล้จนกระดาน

การตัดสินใจเข้าร่วมเป็นหนึ่งในสปอนเซอร์หลักหนุนหลังม็อบเสธ.อ้าย นอกจากหวังกลับมาเป็นรัฐบาล"เทพประทาน ภาค 2" ยังต้องการแช่แข็งคดีความเหล่านี้ไม่ให้เดินหน้าต่อได้

ทำไปโดยไม่รู้ว่าพรรคของตนเองนั้น

ถูกประชาชนช่วยกันจับแช่แข็งไปแล้วตั้งแต่เลือกตั้ง 3 ก.ค.2554


หน้า 2



// //
Copyright (c) 2010 munjeed.com All rights reserved.