ชายไทยต้องเป็นทหาร

วันที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 ปีที่ 22 ฉบับที่ 8026 ข่าวสดรายวัน

ชายไทยต้องเป็นทหาร

ทิ้งหมัดเข้ามุม
จ่าบ้าน

เรื่องหนึ่งเรื่องนี้ แม้ไม่ใช่เรื่องของตำรวจโดยตรง แต่เป็นเรื่องที่ต้องเป็นไปตามกฎหมายบัญญัติ โดยเฉพาะกฎหมายรัฐธรรมนูญที่ว่าด้วยหน้าที่ของชนชาวไทย มาตรา 73 บัญญัติว่า บุคคลมีหน้าที่รับราชการทหาร

แม้บทบัญญัติไม่ได้ระบุว่า บุคคลผู้นั้นเป็นชายหรือหญิง แต่ตามพระราชบัญญัติการเข้ารับราชการทหารระบุไว้ชัดเจนว่า ชายไทยที่มีอายุ 21 ปีบริบูรณ์ ขึ้นไป ต้องเข้ารับการคัดเลือกเป็นทหาร และยังมีขั้นตอนอีกหลายขั้น เช่น การขึ้นทะเบียนเป็นทหารกองเกิน ตั้งแต่อายุครบ 18 ปีในปีที่ต้องขึ้นทะเบียน รวมทั้งระเบียบข้อบังคับอีกหลายกรณี

การต้องเข้ารับราชการทหารแทบว่าทุกประเทศเป็นหน้าที่ของผู้ชาย มีบางประเทศเช่น อิสราเอล พลเมืองของเขาต้องผ่านการเป็นทหารทั้งสิ้น ไม่มียกเว้น

เมื่อก่อน การต้องเข้ารับราชการทหารจากการคัดเลือกจะมีเว้นไว้สำหรับภิกษุ สามเณร และครู แต่ภายหลังยกเลิกภิกษุ สามเณร แต่ยังเว้นให้กับผู้เป็นครูที่ต้องมีอายุการเป็นครูตามจำนวนปีที่กำหนด

ผู้ที่จะได้รับการยกเว้นไม่ต้องเป็นทหาร แต่ต้องขึ้นทะเบียนเป็นทหารกองเกิน ขณะที่ไม่จำเป็นต้องเข้ารับการคัดเลือก หากเมื่ออายุครบแล้วยังอยู่ระหว่างการศึกษา แต่ให้ผ่อนผันได้เพียงถึงอายุ 26 ปี

หลังจากนั้นต้องเข้ารับการคัดเลือกทุกคน เว้นแต่ผู้ป่วย พิการ ซึ่งแพทย์ ณ ที่ทำการคัดเลือกจะเป็น ผู้วินิจฉัย และผู้ที่จับใบดำได้เนื่องจากจำนวนคัดเลือกในแต่ละปีในแต่ละจุดคัดเลือกมีเกินจำนวน ด้วยหลายเหตุ ในระยะหลังยังเปิดรับสมัครผู้ที่ต้องการเป็นทหารและไม่ต้องการเข้ารับการคัดเลือกตามระเบียบ

เมื่อก่อนมีข่าวการทุจริตในการคัดเลือกทหารเป็นประจำ เช่น ผู้เข้ารับการคัดเลือกจ่ายเงินให้เป็นจำนวนเท่าที่เจ้าหน้าที่เรียก หรือได้รับการร้องขอจาก "ผู้ใหญ่" หรือประการอื่น เป็นแต่ละกรณีไป

ด้วยเหตุที่การเข้ารับคัดเลือกทหารเป็นหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ เป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติไว้ชัดเจน ทั้งการเป็นทหารคือการที่ชายไทยมีหน้าที่ป้องกันประเทศซึ่งถือเป็นหาที่อันยิ่งใหญ่

ใครที่เข้ารับการคัดเลือกเป็นทหารมาแล้ว แม้ไม่ผ่านการคัดเลือกด้วยเหตุอันปรากฏชัด ย่อมมีความภาคภูมิใจว่าชีวิตหนึ่งเกิดมาเป็นลูกผู้ชายมีโอกาสรับใช้ชาติด้วยการเป็นทหารเช่นชายไทยด้วยกันแล้ว

หน้า 6