ระวังจะละเมิดสิทธิ

วันที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 ปีที่ 22 ฉบับที่ 8019 ข่าวสดรายวัน

ระวังจะละเมิดสิทธิ

ทิ้งหมัดเข้ามุม
จ่าบ้าน

แม้จะไม่ใช่เรื่องของตำรวจโดยตรง แต่เกี่ยวข้องกับตำรวจ คือการที่กระทรวงยุติธรรม โดยกรมคุมประพฤติ จะนำเครื่องผูกข้อมือระบบอิเล็กทรอ นิกส์ (Electronic Monitoring - EM) มาใช้ในการคุมประพฤติผู้กระทำความผิดทดแทนการควบคุมในเรือนจำ หรือสถานพินิจและคุ้ม ครองเด็กและเยาวชนรวมถึง "เด็กแว้น"

เครื่องมือดังกล่าวเป็นเครื่องที่คล้ายนาฬิกาข้อมือมีเครื่องรับส่งสัญญาณดาวเทียมจีพีเอสในตัว

เบื้องต้น กรมคุมประพฤติจะทำแผนนำร่องควบคุมเด็กและเยาวชนที่กระทำความผิดและต้องรับเงื่อนไขจากศาลบางประการ เช่น ห้ามออกนอกบ้านในยามวิกาล ห้ามเข้าไปในสถานบันเทิง เป็นต้น รวมทั้งเพื่อเป็นแนวทางแก้ไขปัญหาผู้ต้องขังล้นเรือนจำ

กรณีจะนำมาใช้ในคดีเด็กและเยาวชน ไม่เพียงแต่จะต้องขอความเห็นชอบจากอธิบดีศาลคดีเยาวชนและครอบครัวกลางเท่านั้น ยังควรจะพิจารณารายละเอียดว่า คดีการกระทำความผิดของเด็กและเยาวชนเป็นคดีพิเศษ ที่มีโทษไม่เหมือนกับผู้ใหญ่ แม้จะมีการควบคุมตัวก็เป็นการควบคุมในสถานพินิจ ทั้งโทษที่เด็กและเยาวชนจะได้รับไม่ใช่โทษจำ ดังนั้น การจะดำเนินการดังกล่าวจึงต้องคำนึงถึงสิทธิเด็กให้มาก

การจะนำสายสัญญาณมาควบคุมบุคคลต้องโทษ น่าจะเป็นเรื่องของการควบคุมบริเวณ หรือควบคุมโทษผู้ใหญ่ที่ได้รับโทษมาในเวลาหนึ่ง และโทษที่ได้รับต่อไปเหลือเวลาที่ต้องควบคุมไม่นานนัก

ทั้งโทษของผู้ใหญ่คือสาเหตุที่ทำให้มีนักโทษล้นเรือนจำ เช่นโทษที่เกี่ยวกับยาเสพติดบางประเภทซึ่งหลายประเทศทั่วโลกเห็นว่าไม่เป็นโทษ ทั้งยังเห็นว่ายาเสพติดบางประเภทเป็นการรักษาอาการป่วยไข้ด้วยซ้ำ

ไม่ว่าสายรัดข้อมือจะมีรูปแบบอย่างไร เมื่อเป็นเรื่องของการควบคุมผู้ต้องขัง หรือผู้ต้องโทษ ย่อมแสดงถึงการที่ผู้นั้นยังเป็นผู้ต้องโทษอยู่ดี เพียงแต่ไม่ต้องถูกควบคุมกุมขังในเรือนจำ

ประการสำคัญต้องไม่ลืมว่า ประเทศไทยมีกำหนดโทษทางอาญาที่ศาลลงโทษได้ประเภทหนึ่งคือการกักบริเวณ แต่สถานที่กักบริเวณของเรายังไม่มี

แม้การกักบริเวณหรือการลดโทษจนไม่ต้องจำในเรือนจำ ก็ยังไม่พ้นจากโทษที่ได้รับจากคำพิพากษาอยู่ดี แต่หากผู้นั้นต้องมีสายรัดข้อมือเช่นที่ว่า เขา ผู้นั้นก็ต้องถูกตราว่าเป็นผู้ต้องโทษอยู่นั่นเอง - โปรดพิจารณา

หน้า 6