ปลด"ร.ต.มาร์ค" "รุก-รับ"ซักฟอก

 


ปลด"ร.ต.มาร์ค" "รุก-รับ"ซักฟอก


ปลด
วันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 ปีที่ 22 ฉบับที่ 8017 ข่าวสดรายวัน


ปลด"ร.ต.มาร์ค" "รุก-รับ"ซักฟอก





ดึงเกมยื้อต่อไปอีกไม่ไหวหลัง ครม.มีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาปิดสมัยประชุมรัฐสภาในวันที่ 29 พ.ย.

ด้วยเงื่อนไขเวลาเลยกลายเป็น ไฟต์บังคับให้ฝ่ายค้านประชาธิปัตย์ต้องรวบรัดยื่นญัตติเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล

โดยศึกซักฟอกหนนี้แบ่งออกเป็น 2 ส่วนด้วยกัน

ส่วนแรกคือ การเข้าชื่อยื่นถอดถอนรัฐมนตรีที่ฝ่ายค้านกล่าวหาว่าร่ำรวยผิดปกติ ทุจริต ผิดกฎหมาย

ตามขั้นตอนรัฐธรรมนูญ มาตรา 271 กำหนดให้ต้องเข้าชื่อยื่นต่อประธานวุฒิสภา ผ่านไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เมื่อป.ป.ช.สรุปผลอย่างไรแล้ว จะส่งกลับมายังวุฒิสภาเพื่อพิจารณาถอดถอนด้วยเสียง 3 ใน 5 หรือ 90 เสียง ตามมาตรา 274



ในส่วนนี้ที่ถูกยื่นถอดถอนมี 3 คน ประกอบด้วย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม และพล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก รมช.มหาดไทย

ส่วนที่สองคือ ญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ตรงนี้เองที่พลิกโผพอสมควรจากกระแสข่าวก่อนหน้านี้ว่า จะมีรัฐมนตรีถูกลากขึ้นเขียงเชือดถึง 8 หน่อ

แต่พอถึงเวลาจริงปรากฏฝ่ายค้าน ใส่ชื่อลงไปแค่ 4 หน่อ

นอกจาก"ยิ่งลักษณ์-สุกำพล-ชัจจ์" ตามรายชื่อถูกยื่นถอดถอน ก็มีเพียงร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ อันดับ 1 เท่านั้นที่เพิ่มเข้ามาในญัตติไม่ไว้วางใจ

ส่วนบรรดารัฐมนตรีที่ตกเป็นข่าวก่อนหน้านี้ ไม่ว่านายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกฯและรมว.คลัง นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกฯ และรมว.การต่างประเทศ นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกฯ และนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์



ไม่มีชื่ออยู่แม้แต่โผเดียว

มีการวิเคราะห์ว่าศึกซักฟอกครั้งนี้จำนวนรัฐมนตรีมากหรือน้อย ไม่สำคัญ

เพราะถึงอย่างไรเป้าใหญ่ก็อยู่ที่ตัว น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อภิปรายนายกฯ คนเดียว ฝ่ายค้านสามารถลากโยงไปถึงทุกกระทรวงอยู่แล้ว

ตามรัฐธรรมนูญฉบับปี" 50 เปิดช่องให้การยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ ทำได้ง่าย ใช้เสียงส.ส.ในสภาแค่ 1 ใน 5 หรือแค่ 100 คน

แต่ที่น่าสนใจคือ ในมาตรา 158 กำหนดให้ในญัตติอภิปรายนายกฯ ฝ่ายค้านต้องแนบชื่อ ผู้สมควรดำรงตำแหน่งนายกฯ คนต่อไปไว้ด้วย

ในที่นี้จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

ที่น่าสนใจก็เพราะนายอภิสิทธิ์กำลังอยู่ในช่วง พระศุกร์เข้า พระเสาร์แทรก จากกรณีสดๆ ร้อนๆ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม ลงนามในคำสั่ง



ปลด"ร.ต.อภิสิทธิ์"ออกจากราชการ

เป็นการลงโทษตามมติคณะกรรมการสอบสวน ของกระทรวงกลาโหม จากข้อยุติในข้อเท็จจริงที่ว่า

นายอภิสิทธิ์ใช้เอกสารใบสด.9 เป็นเท็จ ในการสมัครเข้ารับราชการและอาจารย์โรงเรียนนายร้อย จปร.

อันเป็นการละเมิดศีลธรรม จริยธรรมและแบบธรรมเนียมทหาร เป็นการกระทำไม่สุจริตเพื่อประโยชน์แห่งตน ทุจริตประพฤติมิชอบในวงราชการ ผิดวินัยทหารร้ายแรง

จึงมีเหตุสมควรให้ลงโทษเนื่องจากกระทำผิดวินัยทหาร โดยปลดออกจากราชการ เพื่อมิให้เสียหาย หรือเสื่อมเสียต่องานราชการ หรือต่อสถาบันโรงเรียน นายร้อย จปร.



เทียบกับข้อกล่าวหาฝ่ายค้านที่ใส่ไว้ในญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯยิ่งลักษณ์ บริหารราชการแผ่นดินบกพร่อง ล้มเหลว ผิดพลาด ไร้ความสามารถ ไร้ประสิทธิภาพ

ไม่ปฏิบัติตามนโยบายที่แถลงต่อรัฐสภาและประชาชน พูดอย่างทำอย่าง สร้างภาพป้องกันและปราบปรามทุจริต เอื้อพวกพ้อง เลือกปฏิบัติ ละเว้นเป็นหลายมาตรฐาน

ปล่อยปละให้มีการโกงทั้งแผ่นดิน น้ำท่วม หนี้ท่วม ของแพงทั้งแผ่นดิน บริหารราชการไม่คำนึงถึงคุณธรรม จริยธรรม รังแกข้าราชการ ทำลายระบบนิติรัฐ ขัดหลักนิติธรรม ลอยตัวเลี่ยงความรับผิดชอบ

ปล่อยให้ผู้มีอำนาจเหนือตัว เหนือรัฐธรรมนูญ ลักลอบควบคุมกำกับการบริหารราชการแผ่นดิน โดยมิชอบ ไม่รับผิดชอบต่อรัฐสภา ขาดวุฒิภาวะ ปิด หูปิดตาประชาชน ปิดบังข้อมูล หลีกเลี่ยงการ ตรวจสอบ

ทั้งมีพฤติกรรมส่อไปในทางทุจริตต่อหน้าที่ จงใจฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ตลอดจนมีพฤติกรรมกระทำการอัน ไม่บังควร

ข้อกล่าวหายาวเหยียด ซึ่งต้องรอดูว่าฝ่ายค้านจะมีหลักฐานมาสนับสนุน ข้อกล่าวหาเหล่านี้หนักแน่นเพียงใด หรือจะเป็นแค่วาทกรรมลอยๆ



ที่เคยได้ยินกันจนชิน

นอกจากนี้การที่พรรคภูมิใจไทยไม่ร่วมลงชื่อทั้งในคำร้องถอด ถอน และญัตติซักฟอก

ถึงจะไม่ส่งผลสะเทือนต่อเกมของประชาธิปัตย์ แต่ก็สะท้อนถึงความไม่เป็นเอกภาพของฝ่ายค้าน

สอดรับกับกระแสข่าวว่าพรรคภูมิใจไทยในยุค"เสี่ยหนู"อนุทิน ชาญวีรกูล ต่อสายตรงเคลียร์ใจกับอดีต "นายใหญ่" เรียบร้อยแล้ว

ไม่นับรวมภาพที่นายสมศักดิ์ เทพสุทิน นำทีมส.ส.กลุ่มมัชฌิมาไปนั่งหม่ำข้าวมื้อเย็นกับ"เจ๊แดง เยาวภา" และอดีตนายกฯ สมชาย วงศ์สวัสดิ์ ที่ร้านอาหารจีนชื่อดังย่านเหม่งจ๋าย



หรือหากว่ากันด้วยเรื่องเนื้อหา

กรณีศาลรัฐธรรมนูญไม่รับคำร้องของอาจารย์นิด้าในเรื่องรับจำนำข้าว และล่าสุดยังมีคำสั่งไม่รับคำร้องของ 67 ส.ว.ในเรื่องการขายข้าวแบบจีทูจี น่าจะมีส่วนช่วยให้น้ำหนักการอภิปรายครั้งนี้เบาลง



ขณะเดียวกันกลับเป็นรัฐบาลเพื่อไทยที่เดินหน้าตอกย้ำแผลเก่า เปิดแผลใหม่ให้กับพรรคแกนนำฝ่ายค้านได้จะแจ้งหลายเรื่อง



นอกจากถอดยศ ริบเบี้ยหวัด

ยังมีคดี 99 ศพที่กำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม ข้อหา"ฆาตกรรม"มาเคาะประตูรออยู่หน้าบ้าน

กรณีสนามฟุตซอลที่มาตรฐานไม่ผ่านการอนุมัติใช้ของฟีฟ่า สร้างความอับอายขายขี้หน้าให้กับประเทศไทยในสายตาวงการกีฬาโลก ก็กำลังถูกลากโยงเข้าหาอดีตรัฐบาลชุดที่แล้ว

ไหนจะอุโมงค์ยักษ์ หรือ"อุโมงค์ดัมมี่" ที่ไม่สามารถใช้งานได้สมราคาคุย ไหนจะเงื่อนงำการขยายสัญญารถไฟฟ้าบีทีเอสออกไป 13 ปี ทั้งที่สัญญาเดิมยังเหลืออีก 17 ปี

ประเด็นเหล่านี้แน่นอนว่ารัฐบาลเพื่อไทยจะหยิบยกขึ้นมาเป็นไม้ตายโต้กลับประชาธิปัตย์อย่างไม่ต้องสงสัย เป็นคำเฉลยว่าทำไมศึกซักฟอกหนนี้ถึงถูกประเมินว่า

ฝ่ายค้านน่าจะเปลืองตัวกว่ารัฐบาล

แต่หากมองไกลออกไป ฝ่ายค้านน่าจะ ฝากความหวังไว้ที่คำร้องถอดถอนนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ในกรงเล็บของแนวร่วมอย่างป.ป.ช.และวุฒิสภาขาประจำมากกว่า


หน้า 3



// //
Copyright (c) 2010 munjeed.com All rights reserved.