ตื่นตาอลังการ! แสงสีเสียงสื่อผสมเมืองขุนแผน สมทบทุนสร้างพระแกะสลักหน้าผารับท่องเที่ยว
 


ตื่นตาอลังการ! แสงสีเสียงสื่อผสมเมืองขุนแผน สมทบทุนสร้างพระแกะสลักหน้าผารับท่องเที่ยว


ตื่นตาอลังการ! แสงสีเสียงสื่อผสมเมืองขุนแผน สมทบทุนสร้างพระแกะสลักหน้าผารับท่องเที่ยว
ระหว่างปี พุทธศักราช 2547-2548 พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติอู่ทอง ได้รับงบประมาณปรับปรุงอาคารจัดแสดงนิทรรศการถาวร หมายเลข 1 เพื่อจัดแสดงเรื่องราวจากหลักฐานทางโบราณคดีเกี่ยวกับการเมืองอู่ทอง ซึ่งเป็นเมืองสมัยประวัติศาสตร์ยุคแรกในประเทศไทย เป็นที่เชื่อกันว่าเมืองอู่ทองแห่งนี้ เป็นจุดเริ่มต้นของการเผยแผ่พุทธศาสนาในดินแดนสุวรรณภูมิ นอกจากนี้ยังเป็นศูนย์กลางการค้าทางทะเลที่สำคัญและเป็นศูนย์กลางวัฒนธรรมทวารวดี ก่อนที่จะย้ายศูนย์กลางไปยังเมืองนครปฐม

นายสุภัทร์ ศรีสุนทรพินิต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี เปิดเผยว่า จังหวัดสุพรรณบุรี ได้ตระหนักถึงความสำคัญในการอนุรักษ์ และส่งเสริมให้ประชาชนได้รับรู้ถึงความสำคัญของโบราณสถานและแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ ที่แสดงให้เห็นประวัติความเป็นมาของเมืองโบราณอู่ทองมิให้สูญหายพังทลายไป ทั้งยังเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวในเชิงประวัติศาสตร์ ซึ่งได้รับ การประกาศเป็นพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนเมืองโบราณอู่ทอง จากคณะรัฐมนตรี เป็นอันดับที่ 7 จึงได้จัดทำกิจกรรมนิทรรศการตามรอยทวารวดีศรีอู่ทอง โดยร่วมกับอำเภออู่ทอง เทศบาลตำบลท้าวอู่ทอง สำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยประจำจังหวัดสุพรรณบุรี องค์การบริหารพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ร่วมกัน จัดงานแสดงแสงเสียงและสื่อผสมเรื่องแสงธรรมแสงทอง เรืองตระการ สานตำนานเทโวโรหนะ ปุษยคีรีศรีสุวรรณภูมิ โดยการสนับสนุนของ พระเทพสุวรรณโมลี เจ้าอาวาสวัดป่าเลไลยก์และเจ้าคณะจังหวัดสุพรรณบุรี คณะสงฆ์จังหวัดสุพรรณบุรี และนายบรรหาร ศิลปอาชา ได้ดำเนิน โครงการแกะสลักพระพุทธรูปใหญ่ที่สุดในโลกขนาดหน้าตักกว้าง 80x108 เมตร บนหน้าผาเขาทำเทียม ซึ่งนักโบราณคดีเชื่อว่าเป็นแดนสุวรรณภูมิเดิมที่พระเจ้าอโศกมหาราช ส่งมาประดิษฐานพระพุทธศาสนาในสยามประเทศยุคแรก เมื่อ 2,319 ปี มาแล้ว ซึ่งรายได้จากการจัดงานดังกล่าวจะนำไปบริจาคสมทบทุนในการสร้างพระแกะสลัก พระปุษยคีรีศรีสุวรรณภูมิ

นายสุภัทร์ กล่าวต่อว่าการที่ อำเภออู่ทองเป็นเมืองโบราณกว่า 3,000 ปีขึ้นไป และความเป็นเมืองของอู่ทองได้ก่อตัวขึ้นมาหลังจากที่ชาวอู่ทองได้ค้นพบว่าอำเภออู่ทองได้เป็นศูนย์กลางของดินแดนสุวรรณภูมิ ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อประวัติศาสตร์ในยุคหินหรือในยุคก่อน ๆ นั้น เราได้มาร่วมกันสืบสานความเป็นเมืองโบราณให้มีความชัดเจนยิ่งขึ้น โดยการสนับสนุนของหลาย ๆ ฝ่ายโดยเฉพาะอย่างยิ่งองค์การบริหารพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนมาประจำอยู่ที่สุพรรณบุรีแห่งนี้ และพร้อมที่จะนำเสนอความเป็นเมืองโบราณได้อย่างชัดเจน ประกอบกับพระเทพสุวรรณโมลี เจ้าคณะจังหวัดสุพรรณบุรี มีความมุ่งมั่นที่จัดพื้นที่แห่งนี้เป็นพื้นที่ที่นำพระศาสนาเข้ามาบูรณาการร่วมกันนั้นก็คือการแกะสลักพระองค์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก เมื่อรวมพื้นที่ทั้งหมดแล้วก็จะเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีความสมบูรณ์แบบทั้งในเรื่องโบราณสถาน อารยธรรม  พุทธศาสนา จึงเป็นความภาคภูมิใจของชาวอำเภออู่ทอง ชาวสุพรรณบุรี เป็นอย่างยิ่ง นายสุภัทร์ กล่าว

ด้าน พระเทพสุวรรณโมลี เจ้าคณะจังหวัดสุพรรณบุรี เจ้าอาวาสวัดป่าเลไลยก์วรวิหาร ประธานดำเนินการฯ กล่าวถึงโครงการแกะสลักพระบนภูผาใหญ่ที่สุดในโลกว่า วัดป่าเลไลยก์ และคณะสงฆ์จังหวัดสุพรรณบุรี โดยการสนับสนุนของนายบรรหาร ศิลปอาชา ดำเนินโครงการแกะสลักพระพุทธรูปใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งนายบรรหารได้จองเป็นเจ้าภาพทอดผ้าป่าแล้วจำนวน 1,000 กอง เป็นเงิน 1 ล้านบาท จึงขอเชิญพุทธศาสนิกชนร่วมเป็นเจ้าภาพร่วมกันทอดผ้าป่าล้านกอง กองละ 1,000 บาท หรือเป็นเจ้าภาพแกะสลักตารางเมตรละ 10,000 บาท บริจาคได้ทุกวันบริเวณหน้าพระวิหารหลวงพ่อโต วัดป่าเลไลยก์วรวิหาร

ขณะที่ นายวิศรุต อินแหยม ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวสำนักงานสุพรรณบุรี กล่าวว่า บริเวณพื้นที่ที่จะสร้างพระแกะสลักพระพุทธปุษยคีรีศรีสุวรรณภูมิ หรือหลวงพ่ออู่ทองนั้น ปัจจุบันเป็นหน้าผาที่เกิดขึ้นจากสัมปทานโรงโม่หินและป่าเสื่อมโทรม โดยนายสมศักย์ภูรีศรีศักดิ์ อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี มีแนวคิดที่จะพัฒนาสอดคล้องกับเจ้าคณะจังหวัดสุพรรณบุรี ที่จะฟื้นฟูปรับปรุงพัฒนาพื้นที่แห่งนี้ให้เป็นพุทธสถานพุทธมณฑลเมืองสุพรรณบุรีไปพร้อม ๆ กับการพัฒนาคูเมืองโบราณอำเภออู่ทอง จึงได้ประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องขอใช้พื้นที่ดังกล่าว เพื่อที่จะก่อสร้างพระพุทธรูปฯ และพุทธมณฑลเมืองสุพรรณบุรีขึ้น พร้อมกันนี้ชาวบ้านในอำเภออู่ทองก็จัดประชุมทำประชาคมพร้อมใจกันที่จะฟื้นฟูปลูกป่าทดแทนคืนความอุดมสมบูรณ์ให้กับผืนป่าอุทยานสวนหินพุหางนาค และบริเวณใกล้เคียงพื้นที่แกะสลักพระพุทธรูปที่ใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วย    

โครงการนี้จะเป็นสิ่งสะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่งทางพระพุทธศาสนาของประเทศไทยที่ดำเนินมาอย่างยาวนานจนพุทธกาลล่วงสู่ปี 2555 มหาชนชาวไทยและพุทธศาสนิกชนทั่วโลกได้สร้างพลังศรัทธาเป็นมหากุศลอันยิ่งใหญ่ ด้วยการสร้างพระพุทธรูปแกะสลักภูผาใหญ่ที่สุดในโลก พระนามว่า สมเด็จพระพุทธปุษยคีรีศรีสุวรรณภูมิหรือหลวงพ่ออู่ทอง ปางมารวิชัย ศิลปะอู่ทอง 1 เพื่อถวายเป็นพระพุทธบูชาแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในวโรกาสอันเป็นมหามงคล ที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 65 ปี และทรงเจริญพระชนมพรรษา 84 พรรษา.

วัชระ พัฒนศรี / วัฒนพล มัจฉา



// //

Copyright (c) 2010 munjeed.com All rights reserved.