">พงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล-เฮียเพ้งเร่งหาทางออกแก้ปัญหา
    นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดูแล้ว และหากปริมาณการนำเข้าเพิ่มขึ้นอย่างมาก ก็จำเป็นต้องสร้างคลังเก็บแอลพีจีเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการทยอยปรับราคาแอลพีจีเพื่อสะท้อนราคาตลาดโลก และลดการอุดหนุนทั้งระบบ น่าจะช่วยลดการนำเข้าแอลพีจีได้ทางหนึ่ง ซึ่งอยู่ระหว่างการหาแนวทางช่วยเหลือกลุ่มผู้มีรายได้น้อย ผ่านบัตรเครดิตพลังงาน เบื้องต้นได้สั่งการให้ปลัดกระทรวงพลังงานไปศึกษาข้อมูลกลุ่มประชาชนผู้มีรายได้น้อยว่ามีจำนวนเท่าไหร่และกลุ่มใดบ้างที่จะได้รับการช่วยเหลือชดเชยราคาแอลพีจีในภาคครัวเรือน
     โดยกระทรวงพลังงานจะใช้เวลา 2 ปี ทยอยปรับขึ้นราคาแอลพีจีเป็นราคาเดียวกันทั้งประเทศ และจะทำให้เสร็จก่อนการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(เออีซี)ในปี 2558 คาดว่าประชาชนกลุ่มที่จะได้รับการชดเชยราคาได้แก่ กลุ่มผู้ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 50 หน่วยต่อเดือน และกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าข้าวแกงทั้งหลาย ประมาณ 4 ล้านครัวเรือน ใช้แอลพีจีประมาณ 6 กิโลกรัมต่อเดือน ดังนั้นหากกระทรวงพลังงานช่วยชดเชย 10 บาทต่อกิโลกรัม หรือ 60 บาทต่อเดือน จะต้องใช้เงินประมาณ 2.88 พันล้านบาทต่อปี ส่วนจะช่วยชดเชยเท่าไหร่นั้นต้องไปศึกษาข้อมูลให้ชัดเจนก่อน
    สำหรับวิธีการชดเชยนั้น ทางกระทรวงพลังงานจะร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงมหาดไทยจัดทำฐานข้อมูลผู้มีรายได้น้อย โดยให้มาลงทะเบียนและรับบัตรเครดิตพลังงานเพื่อดำเนินการชดเชยราคาผ่านบัตรเครดิตพลังงานต่อไป จะช่วยลดปัญหาการรั่วไหลของแอลพีจีไปต่างประเทศได้
    ปัจจุบันฐานะกองทุนน้ำมันฯ ยังมีภาระชดเชยราคานำเข้าแอลพีจีประมาณ 68 ล้านบาทต่อวัน ซึ่งราคาแอลพีจีในตลาดโลกเดือนพฤศจิกายนนี้อยู่ที่ 1.02 พันดอลลาร์สหรัฐฯต่อตัน เทียบกับเดือนตุลาคมที่ผ่านมาอยู่ที่ 1.001 พันดอลลาร์สหรัฐฯต่อตัน เนื่องจากเข้าสู่ช่วงฤดูหนาว ส่งผลให้ความต้องการใช้แอลพีจีช่วงนี้สูงขึ้น ปัจจุบันฐานะกองทุนน้ำมันติดลบ 1.94 หมื่นล้านบาท มีรายรับจากการเก็บเงินจากน้ำมันเบนซินและดีเซลอยู่ที่ 68.33 ล้านบาทต่อวัน