ระเบิดศึกเลือกตั้งปธน.มะกัน ช่วงชิงคะแนนรัฐแบตเทิลกราวด์
 


ระเบิดศึกเลือกตั้งปธน.มะกัน ช่วงชิงคะแนนรัฐแบตเทิลกราวด์


ระเบิดศึกเลือกตั้งปธน.มะกัน ช่วงชิงคะแนนรัฐแบตเทิลกราวด์
">โอบามา-รอมนีย์ ก้าวลงสู่สนามเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในวันอังคาร (6 พ.ย.) ด้วยผลโพลล์แทบทุกสำนักแสดงถึงคะแนนเสียงที่สูสีจนบอกได้ยากว่าใครจะคว้าชัย ทำให้รัฐที่ถูกเรียกว่า "แบตเทิลกราวด์"

ซึ่งจะเป็นตัวตัดสินผลการเลือกตั้งใครนี้ จะถูกจับตามองอย่างใกล้ชิดตั้งแต่ปิดการลงคะแนน
    สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานว่า ผลโพลล์ระดับชาติ 7 จาก 8 สำนักที่ถูกเปิดเผยออกมาตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ผ่านมา (4 พ.ย.) บ่งชี้ว่าการแข่งขันระหว่างประธานาธิบดีบารัก โอบามา จากพรรคเดโมแครต และนายมิตต์ รอมนีย์ ตัวแทนจากพรรครีพับลิกันเพื่อแย่งชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ในการเลือกตั้งวันที่ 6 พฤศจิกายน 2555 จะสูสีกันอย่างมาก เหมือนเช่นผลสำรวจคะแนนนิยมตลอดช่วงที่ผ่านมา
    นอกจากนี้ผลโพลล์ในรัฐที่เรียกกันว่า Battleground States หรือ Swing States หรือรัฐที่ไม่ใช่ฐานเสียงที่ชัดเจนของพรรคใดพรรคหนึ่ง ซึ่งจะเป็นตัวตัดสินชี้ขาดว่าใครจะเป็นฝ่ายชนะการเลือกตั้ง ก็ออกมาด้วยคะแนนที่สูสีมากเช่นกัน ดังนั้นในวันจันทร์ก่อนการเลือกตั้ง (5 พ.ย.) ทั้งนายโอบามาและนายรอมนีย์ต่างใช้เวลาหาเสียงในช่วงโค้งสุดท้ายที่รัฐเหล่านี้ โดยนายโอบามาเดินทางไปปราศรัยที่รัฐวิสคอนซิน โอไฮโอ และไอโอวา ขณะที่นายรอมนีย์ไปที่โอไอโอ ฟลอริดา เวอร์นิเจีย และนิวแฮมพ์เชียร์
    รัฐโอไฮโอ ด้วยคะแนนเสียงของคณะผู้เลือกตั้ง (electoral college) 18 เสียง ถูกจับตามองเป็นพิเศษ เนื่องจากบทวิเคราะห์ส่วนใหญ่ระบุว่าผู้ชนะในรัฐโอไอโฮมีโอกาสสูงที่จะชนะการเลือกตั้ง ผลโพลล์จากซีเอ็นเอ็นชี้ว่า ผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง 50% ในรัฐโอไอโฮจะเลือกนายโอบามา ส่วน 47% เลือกนายรอมนีย์ ภายใต้ระบบการเลือกตั้งของสหรัฐฯ ผู้ชนะในแต่ละรัฐ จะได้รับคะแนนทั้งหมดของคณะผู้เลือกตั้งในรัฐนั้นๆ ไป
    ขณะที่รัฐฟลอริดา ซึ่งมีคะแนนเสียงของคณะผู้เลือกตั้ง 29 เสียง เป็นอีกรัฐหนึ่งที่เปิดกว้างสำหรับผู้สมัครทั้งสอง โดยโพลล์จาก 2 สำนักให้ผลที่แตกต่างกัน โพลล์จากเอ็นบีซีนิวส์/วอลล์ สตรีต เจอร์นัล/มาริสต์ ให้นายโอบามาเป็นผู้ชนะในฟลอริดาด้วยคะแนน 49% ต่อนายรอมนีย์ 47% ส่วนโพลล์จากเมสัน-ดิกซอน ให้นายรอมนีย์คว้าชัยที่คะแนน 51% ต่อ 45% ของนายโอบามา
    กลุ่มผู้มาลงคะแนนเลือกตั้งเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่จะตัดสินผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในครั้งนี้ เมื่อครั้งที่นายโอบามาชนะการเลือกตั้งในปี 2551 กลุ่มที่ลงคะแนนเสียงส่วนใหญ่ให้คือ กลุ่มแอฟริกัน-อเมริกัน ฮิสแปนิก ผู้มีสิทธิเลือกตั้งอายุน้อย และผู้หญิง ซึ่งช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ทีมงานของนายโอบามาได้พยายามรักษาฐานคะแนนเหล่านี้ไว้ให้เป็นฐานเสียงหลักของพรรคการสำรวจความคิดเห็นโดยซีเอ็นเอ็นพบว่า 40% ของคนผิวขาวที่ถูกสำรวจกล่าวว่าสนับสนุนนายโอบามา ขณะที่ 57% สนับสนุนนายรอมนีย์
    แม้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะยังอยู่ในภาวะเปราะบาง แต่จนถึงเดือนกันยายน นายโอบามาดูเหมือนจะมีโอกาสคว้าตำแหน่งประธานาธิบดีเป็นสมัยที่ 2 ได้โดยง่าย หลังจากการปราศรัยอันยอดเยี่ยมในการประชุมใหญ่ของพรรคเดโมแครต ประกอบกับปัญหาทางฝั่งนายรอมนีย์เอง อย่างไรก็ตาม นายรอมนีย์มาทำคะแนนตีตื้นขึ้นได้เรื่อยๆ หลังจากการโต้วาทีประชันวิสัยทัศน์ครั้งแรกเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม จากนั้นทั้งคู่ก็มีคะแนนตามผลสำรวจสูสีกันมาโดยตลอด
    จากการวิเคราะห์ของเดอะ นิวยอร์ก ไทม์ส รัฐเวอร์จิเนียจะเป็นรัฐแรกพอจะส่งสัญญาณว่าผลการเลือกตั้งจะออกมาเช่นไร ถ้านายโอบามาชนะที่เวอร์จิเนีย ซึ่งมีคะแนนคณะผู้เลือกตั้ง 13 คะแนน เส้นทางของนายรอมนีย์จะยากลำบากขึ้นเพราะจำเป็นจะต้องชนะในรัฐแบตเทิลกราวด์ที่เหลือทั้งหมด
    ต่อมาจะเป็นการปิดลงคะแนนของรัฐโอไอโฮ ที่คาดว่าการถ่ายทอดของสถานีโทรทัศน์จะจับตาไปที่เมืองใหญ่สามเมือง คือ คลีฟแลนด์ โคลัมบัส และซินซินเนติ ฝ่ายนายโอบามาหวังว่าจะทำคะแนนได้ดีในคลีฟแลนด์ ขณะที่รีพับลิกันหวังคะแนนจากซินซินเนติและพื้นที่โดยรอบ ถ้านายรอมนีย์ชนะในรัฐนี้ คาดว่าการต่อสู้จะยืดเยื้อ แต่ถ้านายโอบามาคว้าชัย ก็มีโอกาสสูงที่จะได้กลับมานั่งเก้าอี้ประธานาธิบดีอีกสมัยหนึ่ง
    ส่วนรัฐแบตเทิลกราวด์อื่นๆ ที่จะปิดลงคะแนนตามมา ได้แก่ นิวแฮมพ์เชียร์ เพนซิลวาเนีย และฟลอริดา ซึ่งมีคะแนนคณะผู้เลือกตั้งสูงที่สุด บทวิเคราะห์ระบุว่านายโอบามาไม่คาดหวังชัยชนะในรัฐฟลอริดา แต่นายรอมนีย์จำเป็นต้องชนะให้ได้ จากนั้นตามมาด้วยการปิดลงคะแนนในโคโลราโด วิสคอนซิน และสุดท้ายที่ไอโอวา ซึ่งเป็นจุดหมายสุดท้ายที่นายโอบามาเลือกเข้าไปหาเสียงในโค้งสุดท้าย
 
altบารัก โอบามา
พรรค : เดโมแครต
รองประธานาธิบดี : โจ ไบเดน
    เศรษฐกิจ : ลงนามประกาศใช้กฎหมายฟื้นฟูเศรษฐกิจและการลงทุนแห่งชาติ ซึ่งเป็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 7.68 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ครอบคลุมการลดภาษี การลงทุนของภาครัฐในโครงการด้านการศึกษา การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การวิจัยด้านพลังงาน การสาธารณสุข และอื่นๆ นอกจากนี้ ยังสนับสนุนมาตรการอุ้มอุตสาหกรรมรถยนต์ (โดยให้หน่วยงานรัฐเข้าไปถือหุ้นบริษัทที่ประสบปัญหา) และลงนามข้อตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) กับประเทศโคลอมเบีย ปานามา และเกาหลีใต้
    ภาษี : ลดภาษีลงไประดับหนึ่งแล้วสำหรับประชาชนส่วนใหญ่ จะยกเลิกการลดภาษีให้กับครอบครัวที่มีรายได้มากกว่า 2.5 แสนดอลลาร์/ปี (ซึ่งมีมาตั้งแต่สมัยรัฐบาลจอร์จ บุช) และจะเสนอขึ้นภาษีคนรวย
    พลังงาน : สนับสนุนการลงทุนเกี่ยวกับพลังงานสะอาด เช่น กังหันลมผลิตกระแสไฟฟ้า แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า เพิ่มมาตรฐานเชื้อเพลิงรถยนต์เพื่อลดการปล่อยคาร์บอนและเพิ่มการประหยัดเชื้อเพลิง ยกเลิกโครงการวางท่อส่งน้ำมันดิบจากแคนาดาสู่อ่าวเม็กซิโก (โครงการคีย์สโตน ไปป์ไลน์) โดยระบุเหตุผลไม่มีเวลาเพียงพอสำหรับการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม
    การก่อการร้าย : กำจัดแกนนำผู้ก่อการร้ายหลายคนในกลุ่มอัลเคดาห์ รวมถึงโอซามา บินลาเดน / ถอนทหารจากอิรัก และให้การรับรองแผนลดการใช้จ่ายด้านกลาโหมลง 487 ล้านดอลลาร์ในระยะเวลา 10 ปี  ต้านการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ของอิหร่าน  

altมิตต์ รอมนีย์
 พรรค : รีพับลิกัน    
รองประธานาธิบดี : พอล ไรอัน
    เศรษฐกิจ : มุ่งเน้นการลดภาษี จะยกเลิกกฎหมายปฏิรูปสุขภาพปี 2553 ยกเลิกกฎหมายควบคุมธุรกิจธนาคารและตลาดหลักทรัพย์ปี 2553 และจะยกเลิกหรือลดกฎระเบียบอื่นๆ ที่ไม่เอื้อต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ไม่สนับสนุนการอุ้มอุตสาหกรรมรถยนต์ และเสนอลดงบใช้จ่ายของรัฐบาลกลาง
    ภาษี : จะคงมาตรการลดภาษีจากสมัยประธานาธิบดีบุชเอาไว้ จะลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาลงไปอีก จะยกเลิกภาษีรายได้จากการลงทุน จะยกเลิกภาษีที่ดิน และลดภาษีรายได้นิติบุคคล ผู้มีรายได้สูงจะได้รับประโยชน์จากนโยบายนี้มากที่สุด รอมนีย์ระบุจะอุดช่องโหว่ในด้านอื่นๆเพื่อชดเชยรายได้รัฐที่หายไปจากมาตรการลดภาษีของเขา
    พลังงาน : จะผ่อนคลายกฎเกณฑ์ควบคุมที่เป็นอุปสรรคต่อโรงผลิตกระแสไฟฟ้าพลังงานถ่านหิน การสำรวจแหล่งน้ำมัน และการสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ สนับสนุนการขุดเจาะน้ำมันในมหาสมุทรแอตแลนติกและแปซิฟิก สนับสนุนกฎเกณฑ์ที่ผ่อนปรนสำหรับโครงการคีย์สโตนไปป์ไลน์
    การก่อการร้าย : จะเพิ่มงบการทหารประมาณ 1 แสนล้านดอลลาร์ สำหรับเป็นค่าอาวุธยุทโธปกรณ์และระบบป้องกันประเทศด้วยจรวดมิสไซล์ และเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาความปลอดภัยของพลเรือน รอมนีย์ต่อต้านการครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ของอิหร่านเช่นกันและเรียกร้องเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรอิหร่าน สนับสนุนการใช้กำลังทหารกับอิหร่านหากจำเป็น    



// //

Copyright (c) 2010 munjeed.com All rights reserved.