สตุ้ดการ์ด. ปอร์เช่นำเสนอพานาเมร่า (Panamera) ใหม่ล่าสุดในเวอร์ชั่นที่พิเศษเฉพาะและสง่างามนั่นคือรุ่นแพลทินัม อิดิชั่น (Platinum Edition) และจะวางตลาดในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนที่จะถึงนี้ ความสง่างามของรุ่นพิเศษนี้จะออกมาทั้งรุ่นพานาเมร่า 4 (Panamera 4) และพานาเมร่า ดีเซล (Panamera Diesel)

จะมีความโดดเด่นด้วยดีไซน์ของสีเงิน Platinum Silver Metallic และรวมไว้ซึ่งอุปกรณ์มาตรฐานของรถที่เพิ่มเติมมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงรายละเอียดของรถที่มีความพิเศษเฉพาะไม่เหมือนใครอีกด้วย

ด้านล่างของกระจกมองข้าง แผงช่องดักอากาศ แผงช่องดักอากาศทางด้านข้างที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับรุ่นเทอร์โบ ขอบฝากระโปรง และครีบกระจายอากาศจะถูกออกแบบมาในรูปแบบสีเงิน Platinum Silver Metallic ทั้งหมด สีภายนอกที่โดดเด่นและเฉพาะสำหรับรุ่นอิดิชั่นพิเศษนี้มี 5 สี และสร้างความกลมกลืนและสง่างามได้อย่างลงตัว สำหรับสีแบบ Solid ที่สามารถเลือกได้มี 2 สีคือสีขาวและสีดำ ส่วนสีเมทาลิคมีให้เลือกเป็นสีพิเศษติดตั้งได้คือ สี Basalt Black สี Carbon Grey และสี Mahogany Lacguer สำหรับเส้นขอบกระจกข้างจะได้รับการพ่นด้วยสีดำเงาเป็นพิเศษเพื่อความโดดเด่นและสง่างามของรูปลักษณ์ภายนอก

ลูกค้าจะได้รับประโยชน์มากมายจากรถรุ่นพิเศษนี้ ด้วยการติดตั้งอุปกรณ์มาตรฐานเพิ่มเติมให้กับรถพานาเมร่า แพลทินัม อิดิชั่น (Panamera Platinum Edition) คันนี้ อาทิเช่น ไฟหน้าแบบไบซีนอล (Bi-Xenon main headlights) ระบบช่วยจอดทางด้านหน้า (Front parking assist) ระบบ automatically dimming interior and exterior mirrors เพื่อช่วยลดแสงจากทางด้านหลังของคุณ และล้อขนาด 19 นิ้วลาย Panamera Turbo ที่จะมาพร้อมกับดุมล้อที่เป็นรูปโลโก้ปอร์เช่แบบสีเต็มรูปแบบ เพื่อความสง่างามของรถที่มากยิ่งขึ้น

ภายในห้องโดยสารยังมีสีแบบผสมหรือ Bi-Colour ใหม่ล่าสุดอย่างสี Black/Luxor beige ให้เลือกติดตั้งและสร้างความสง่างามให้กับภายในได้อย่างดีเยี่ยม ภายในห้องโดยสารของพานาเมร่า แพลทินัม อิดิชั่น (Panamera Platinum    Edition) จะติดตั้งแพ็คเกจหนังแบบ a-part leather interior package มาเป็นมาตรฐานให้กับรถ และหากต้องการหนังแบบเต็มรูปแบบ (Full leather package) ก็สามารถเลือกติดตั้งเป็นอุปกรณ์เสริมได้เช่นกัน หากเปรียบเทียบรายละเอียดของสีแบบผสม (Bi-colour) นี้แล้วจะพบว่าแบบฉบับของสีแบบผสม (Bi-Colour) ใหม่นี้มีความแตกต่างและได้รับการพัฒนาใหม่ โดยส่วนบนของแผงหน้ารถและขอบประตู ด้านหลังของเบาะนั่งด้านหน้า รวมไปถึงที่เก็บของจะออกมาในรูปแบบสีดำ ในขณะที่ส่วนที่เหลือจะออกมาในรูปแบบสี Luxor beige ไฮไลท์เพิ่มเติมคือพวงมาลัยแบบสปอร์ต (Sport design steering wheel) ที่ได้รับการติดตั้งมาเป็นมาตรฐาน และยังมีโลโก้ปอร์เช่สลักอยู่บนที่พักศีรษะทางด้านหน้าและด้านหลัง รวมไปถึงเครื่องหมายโลโก้ “Platinum Edition” ที่ได้รับการติดตั้งอยู่ทางด้านขอบประตูรถด้านหน้าด้วยเช่นเดียวกัน