"ลุงคิม"ศพ99-สลายม็อบแดง

 


"ลุงคิม"ศพ99-สลายม็อบแดง



วันที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2555 ปีที่ 22 ฉบับที่ 7999 ข่าวสดรายวัน


"ลุงคิม"ศพ99-สลายม็อบแดง


รายงานพิเศษ



นายฐานุทัศน์ อัศวสิริมั่นคง หรือลุงคิม ขณะรักษาตัวอยู่ที่ร.พ.มเหสักข์ ก่อนเสียชีวิตเป็นศพที่ 99

เป็นศพที่ 99 แล้วสำหรับยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์สลายการชุมนุมเดือนพ.ค.2553



โดยเหยื่อรายล่าสุดคือ "ลุงคิม" นาย ฐานุทัศน์ อัศวสิริมั่นคง อายุ 55 ปี ถูกยิงบริเวณแยกบ่อนไก่ ได้รับบาดเจ็บสาหัสและเป็นอัมพาต



ต้องเข้ารักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลด้วยความทุกข์ทรมานถึง 2 ปี ก่อนเสียชีวิตลงท่ามกลางความโศกเศร้าของครอบครัวและญาติพี่น้อง



จากคดี 98 ศพ กลายเป็นคดี 99 ศพทันที



เรื่องดังกล่าวได้รับการเปิดเผยจาก พล.ต.ต. อนุชัย เล็กบำรุง รอง ผบช.น. ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีชันสูตรพลิกศพผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ชุมนุมเดือนเม.ย.-พ.ค.2553



ระบุขณะเข้าชี้แจงต่อกรรมาธิการในสภาเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า มีการเสียชีวิตของเหยื่อสลายม็อบเสื้อแดงเพิ่มเติมภายหลังอีก 1 ราย



โดยกรณีของลุงคิมซึ่งเป็นศพที่ 99 นั้น ถือเป็น 1 ใน 16 ผู้เสียชีวิตที่ย่านบ่อนไก่ ถ.พระ ราม 4



ถูกยิงด้วยกระสุนขนาด .223 จากปืน เอ็ม 16 เข้าด้านหลัง 2 นัด เมื่อวันที่ 14 พ.ค. 2553 ช่วงเวลา 12.20-13.06 น. หน้าธนาคาร ไทยพาณิชย์ สาขาบ่อนไก่ พื้นที่สน.บางรัก ขณะออกมาทำธุระกับครอบครัว



กระสุนเข้าที่หน้าอก ปอดรั่ว ต้องเข้ารับการผ่าตัดอย่างเร่งด่วน ซึ่งผลจากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ลุงคิมกลายเป็นอัมพาต ครึ่งตัว ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ต้องรักษาตัวอยู่ที่ร.พ. มเหสักข์ ย่านบางรัก



ต่อมาเข้ารับการผ่าตัดกระดูกต้นคอเสื่อมซึ่งเป็นผลมาจากคมกระสุน แต่อาการแย่ลงเรื่อยๆ กระทั่งเสียชีวิตเมื่อวันที่ 23 ก.พ.2555

นางวรานิษฐ์ อัศวสิริมั่นคง ภรรยา และลูกๆ ในงานเผาศพลุงคิมที่วัดหัวลำโพง





สอบสวนพยานในที่เกิดเหตุหลายปากชี้ว่า ถูกยิงโดยกระสุนปืนจากแนวเจ้าหน้าที่รัฐ



วันนี้ศพของลุงคิมเผาเรียบร้อยแล้วที่วัดหัวลำโพงเมื่อปลายเดือนก.พ.ที่ผ่านมา แต่ในทางคดียังเป็นเรื่องที่ต้องพิสูจน์และค้นหาความจริงกันต่อไป



กล่าวสำหรับลุงคิม ขณะมีชีวิตประกอบอาชีพขายส่งอาหาร ของขบเคี้ยวเล็กๆ น้อยๆ จำพวกถั่ว ปลากรอบ อยู่ในแฟลตบ่อนไก่ มี นางวรานิษฐ์ อัศวสิริมั่นคง เป็นภรรยา และลูกๆ อีก 2 คน คนโตอายุ 20 ปี คนเล็ก 16 ปี



โดยภรรยานั้นช่วยหารายได้เสริมด้วยการขายของ และอื่นๆ จุนเจือครอบครัวอีกทาง รายได้ 2 คนรวมกันประมาณ 4 หมื่นบาทต่อเดือน พออยู่พอกิน ส่งเสียลูกเรียนหนังสือได้สบาย



แต่ภายหลังลุงคิมถูกยิง ต้องอยู่ในห้องไอซียูนานหลายเดือน นางวรานิษฐ์จึงต้องพักงานเพื่อคอยดูแลทำกายภาพบำบัด ทำให้ไม่มีคนหารายได้เลี้ยงครอบครัว ฐานะทางบ้านเริ่มย่ำแย่



ขณะที่เงินเยียวยาที่ได้รับจากรัฐและสวัสดิการต่างๆ มีขั้นตอนที่ยุ่งยาก การเดินทางไปติดต่อราชการแต่ละครั้ง หมายความว่าต้องทิ้งสามีไว้ที่บ้านคนเดียว ที่สำคัญกว่าจะได้รับเงินแต่ละก้อน ต้องรอนานมาก



หลังจากเงินที่เคยเก็บออมไว้แทบไม่เหลือ สุดท้ายนางวรานิษฐ์ตัดสินใจออกมาหางานทำ ได้รับการช่วยเหลือจากเพื่อนๆ คนเสื้อแดง เวลาปรนนิบัติดูแลสามีจึงเหลือเพียงสัปดาห์ละ 2 วัน กระทั่งลุงคิมเสียชีวิตลง



สำหรับเหตุการณ์วันเกิดเหตุ นางวรานิษฐ์เล่าว่า ช่วงเวลา 11.00 น. ของวันที่ 14 ต.ค.2553 ตนพร้อมด้วยสามีและลูกทั้ง 2 คน กำลังออกไปรับประทานอาหาร โดยยืนรอรถเมล์อยู่บริเวณปากซอยปลูกจิต ถ.พระราม 4 ย่านบ่อนไก่

ลุงคิมในวันถูกยิงย่านบ่อนไก่ 14 พ.ค.2553





ระหว่างนั้นมีเสียงดังขึ้น แต่ไม่ทราบว่าเสียงอะไร ช่วงเวลานั้นรถประจำทาง รวมถึงรถส่วนตัวเริ่มบางตาลง ไม่นานก็มีเสียงปืนดังขึ้น คนที่อยู่บริเวณ ดังกล่าวต่างตื่นตกใจและวิ่งหนี



สามีซึ่งเพิ่งผ่าตัดมะเร็งและเพิ่งจะเดินได้ ทำให้วิ่งไม่เร็ว ตะโกนบอกให้ตนนำลูกเข้าไปหลบในร้านสะดวกซื้อ แต่ตนตัดสินใจพาลูกวิ่งเข้าซอยกลับไปยังห้องพัก ช่วงเวลานั้นมีเสียงปืนดังขึ้นตลอดเวลา



นางวรานิษฐ์ระบุว่า ต่อมาตนพยายามติดต่อสามีเป็นระยะ แต่ไม่รับโทรศัพท์ เมื่อกลับถึงห้องได้ไม่นาน ร.พ.กล้วยน้ำไทโทร.มาบอกว่าสามีถูกยิง กำลังรักษาตัวอยู่ที่ร.พ.



จากคำบอกเล่าของแพทย์ทราบว่า สามีถูกยิงด้วยกระสุนไม่ทราบชนิด 2 นัดที่หลัง นัดหนึ่งยิงทะลุกระดูกสันหลัง หัวกระ สุนจำนวนหนึ่งแตกไปโดนปอด ส่งผลให้กระดูกสันหลังและเส้นประสาทบริเวณนั้นได้รับความเสียหาย



สามีกลายเป็นอัมพาตช่วงล่างในระยะแรก ก่อนจะลามมายังแขน ต้นคอ กระดูกซี่โครงบริเวณรอบปอดในภายหลัง จนในที่สุดสามีเริ่มมีอาการแน่นหน้าอก หายใจไม่ออก แพทย์ต้องเจาะคอเพื่อช่วยหายใจในวันที่ 5 ธ.ค.2554



และเสียชีวิตเมื่อวันที่ 23 ก.พ.ที่ผ่านมา



"ช่วงแรกสามียังมีกำลังใจดี อยากจะอยู่ต่อ แต่เริ่มมาท้อช่วงเดือนก.ย.2554 เพราะเขาเริ่มแน่นหน้าอก หายใจไม่ได้"



"เขาพูดว่าทรมาน เริ่มกลัวและตกใจ หมอบอกว่าเป็นผลมาจากกระสุนที่ยิงโดนกระดูกสันหลังซึ่งเป็นจุดสำคัญ ทำให้อวัยวะบางอย่างเริ่มเสื่อม" ภรรยาลุงคิมเล่า



พร้อมเผยด้วยว่า ส่วนกระสุนอีกนัดนั้นตกค้างอยู่ที่สะบักขวา ไม่ได้รับการผ่าตัดออกเนื่องจากอยู่ในจุดอันตราย กระสุนนัดนี้ยังคงอยู่จนวาระสุดท้าย



และมันกำลังจะถูกนำออกมาเป็นหลักฐาน



ในส่วนของความช่วยเหลือจากรัฐ ภรรยาลุงคิมบอกว่า ก่อนสามีจะเสียชีวิต ครอบครัวได้รับเงินเยียวยาจากรัฐบาลในกรณีที่สามีเป็นผู้ทุพพลภาพ



แต่หลังจากสามีเสียชีวิตแล้ว ได้ยื่นเรื่องขอรับเงินเยียวยากรณีผู้เสียชีวิต ตนตั้งใจจะนำเงินจำนวนนี้เป็นทุนการศึกษาของบุตรสองคนต่อไป



ด้าน นายปกรณ์ พันธุ อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ (พส.) กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ กล่าวว่า กรณีลุงคิมหากได้รับเงินเยียวยาไปแล้ว ไม่ว่าประเภทใด ถือว่าคณะทำงานได้ประเมินแยกประเภท ณ เวลานั้น



ซึ่งหากหลังจากนั้นเสียชีวิตลง คณะทำงานเปิดโอกาสให้ญาติหรือผู้เกี่ยวข้องยื่นเรื่องอุทธรณ์ต่อพส.ได้อีก โดยพส.จะมีทีมกฎหมายและทีมแพทย์ตรวจสอบเอกสารหลักฐาน



ก่อนนำเรื่องส่งที่ประชุมคณะทำงาน ปคอป. ที่มี นายธงทอง จันทรางศุ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เพื่อพิจารณาขั้นตอนสุดท้ายต่อไป



เป็นศพที่ 99 ที่ "คนอยู่" ต้องได้รับการช่วยเหลือเยียวยา และ "คนตาย" ต้องได้รับความยุติธรรม โดยเฉพาะเบื้องหลังทางคดีว่าการเจ็บ-ตายครั้งนี้ มีใครสั่งการหรือไม่


หน้า 3



// //
Copyright (c) 2010 munjeed.com All rights reserved.