ทาทากางแผนรบเล็งผุดโรงงาน-เปิดรถใหม่
 


ทาทากางแผนรบเล็งผุดโรงงาน-เปิดรถใหม่


ทาทากางแผนรบเล็งผุดโรงงาน-เปิดรถใหม่

altทาทา มอเตอร์ส ประกาศเดินหน้าเต็มสูบ เล็งเพิ่มฐานการผลิตในอาเซียน คาดได้ข้อสรุปภายในปีครึ่ง ด้านแผนงานในประเทศเล็งเปิดรถใหม่ รุกตลาดรถหัวลาก มั่นใจสิ้นปีโกยยอด 9 พันคัน 
 นาย อจิต เวนคาทารามาน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทาทา มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า บริษัทมีการศึกษาถึงความเป็นไปได้ในการเปิดโรงงานใหม่ในอาเซียน  เพื่อจะทำการผลิตรถยนต์นั่งหลายรุ่น อาทิ นาโน ซึ่งประเทศที่มีศักยภาพที่จะตั้งฐานการผลิตก็มีทั้งไทย และอินโดนีเซีย  โดยบริษัทคาดว่าจะใช้เวลาในการศึกษาอีกประมาณหนึ่ง 1- 1.5  ปี 
  "จริงๆทาทาได้มีการนำเข้ารถ นานา มาจากประเทศอินเดีย เพื่อจำหน่ายให้กับลูกค้า ซึ่งบริษัทจะมีการศึกษาถึงความชอบและความต้องการของตลาดก่อนที่จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการ อย่างไรก็ตามแนวโน้มของรถรุ่นนี้จะต้องหาแหล่งผลิตในอาเซียน เพื่อจะแข่งขันกับคู่แข่งได้ เนื่องจากการนำเข้ามาขายมีอัตราภาษีที่สูงกว่า 80% และนี่เป็นสาเหตุที่ทำให้เรายังไม่ได้เปิดตัวรถรุ่นนี้ "
  นายอจิต กล่าวเพิ่มเติมถึงความคืบหน้าในการหาฐานการผลิตแห่งใหม่นี้ว่า ข้อได้เปรียบของประเทศไทย คือ ทาทาเข้ามาทำตลาดเป็นเวลา 4 ปีแล้ว และแบรนด์เริ่มแข็งแกร่ง มีชื่อเสียง ส่วนระบบสาธารณูปโภคพื้นฐาน อาทิ สภาพท้องถนน ,ระบบขนส่ง รวมไปถึงความต้องการของลูกค้า ,รายได้ต่อหัวของประชากร และ กฎระเบียบที่ชัดเจน ตรงจุดนี้ถือว่าประเทศไทยมีความได้เปรียบอินโดนีเซีย
   ขณะที่ความได้เปรียบของอินโดนีเซียนั้น คือจำนวนประชากร 250 ล้านคน และมีแนวโน้มจะเติบโตมากในอนาคต ซึ่งเร็วๆนี้ในงานจาการ์ตา มอเตอร์โชว์ที่จะจัดขึ้นในเดือนกันยายน ทาทา จะเข้าไปเปิดแบรนด์อย่างเป็นทางการ
 "ตอนนี้ยังไม่ได้ข้อสรุปว่าจะเลือกประเทศไหนเพื่อจะเป็นฐานการผลิตแห่งใหม่ แต่ก็คาดว่าจะต้องดำเนินการให้เร็วที่สุด โดยความได้เปรียบ-เสียเปรียบของทั้ง 2 ประเทศก็มีความแตกต่างกัน อาทิ การเลือกลงทุนนั้นจะต้องดูตลาดใหญ่ ซึ่งจุดนี้อินโดนีเซียก็ถือว่ามีศักยภาพที่สูง เพราะจำนวนประชากรมาก และกำลังขยายตัว แต่ประเทศไทยเอง ก็เป็นฐานการผลิตรถปิกอัพที่ใหญ่ที่สุด ซึ่งจุดนี้เรากำลังศึกษาเพื่อให้ได้ข้อสรุป"
  นายอจิต กล่าวเพิ่มเติมว่า การตั้งโรงงานใหม่จะต้องใช้เงินลงทุนมาก เพราะต้องป้อนรถให้กับทั้งตลาดอาเซียน โดยจะต้องผลิตรถอย่างน้อย 50,000 - 60,000 คันต่อปี 
  ด้านแผนงานในประเทศของทาทา นายอภิเชต สีตกะลิน รองประธานฝ่ายขาย การตลาด และบริการลูกค้า บริษัท ทาทา มอเตอร์ส(ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า บริษัทมีแผนงานเปิดตัวรถรุ่นใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยรถที่ทำตลาดจะเน้นไปที่รถเพื่อการพาณิชย์ ล่าสุดได้เปิดตัว ทาทา ซีนอน ไจแอนท์ เฮฟวี่ ดิวตี้ โดยมี 2 รุ่นให้เลือกคือ ซีนอน เฮฟวี่ ดิวตี้ เครื่องยนต์ดีเซล 2.2 ลิตร และ ซีนอน เฮฟวี่ ดิวตี้ ซีเอ็นจีพลัส เครื่องยนต์ซีเอ็นจี 2.1 ลิตร
   โดยทั้ง 2 รุ่น จะเป็นปิกอัพตอนเดียว (ซิงเกิล แค็บ)และเป็นปิกอัพแบบพื้นเรียบ ไม่ติดซุ้มล้อ พร้อมติดตั้งเพลาท้ายสำหรับการบรรทุกหนัก แบบเฮฟวี่ ดิวตี้ ที่ออกแบบและติดตั้งจากโรงงาน สนนราคาอยู่ที่ 519,000 บาทในรุ่น ซีนอน เฮฟวี่ ดิวตี้ เครื่องยนต์ดีเซล 2.2 ลิตร และ 569,000บาทในรุ่น ซีนอน เฮฟวี่ ดิวตี้ ซีเอ็นจีพลัส เครื่องยนต์ซีเอ็นจี 2.1 ลิตร
  "เราทำตลาดในไทยมาเป็นเวลา 4 ปีแล้ว และได้ทำการสำรวจตลาดตลอดเวลา และพบว่ามีลูกค้าบางส่วนมีการนำรถไปดัดแปลงหรือออกแบบให้สามารถบรรทุกได้มากขึ้น ซึ่งเรามองว่าอาจจะไม่ปลอดภัย ดังนั้นเราจึงพัฒนารถเพลาลอยเป็นครั้งแรกในตลาดรถปิกอัพในไทย"
 นอกจากรถเพื่อการพาณิชย์แล้ว ทาทายังมีแผนงานในส่วนของรถหัวลาก โดยนายสมพงษ์ ผลจิตจรูญ ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายการตลาด บริษัท ทาทา มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันทาทามีการทำตลาดรถหัวลาก โดยนำเข้ามาจากเกาหลี ภายใต้แบรนด์ทาทา แดวู ในรุ่น โนวัส ที่มีทั้งเครื่องยนต์ดีเซลและซีเอ็นจี และในอนาคตที่จะมีการเปิดเออีซีในปี 2558 บริษัทเตรียมแผนงานรองรับด้วยการเพิ่มรุ่นรถเข้ามา โดยคาดว่าจะเป็นรถในกลุ่ม 10 ล้อ เนื่องจากเป็นตลาดใหญ่ ความต้องการสูง
   "ในช่วงที่ผ่านมาเรามียอดขายแล้วประมาณ คาดว่าจนถึงสิ้นปีจะทำได้ 150 คัน ซึ่งความได้เปรียบของเราในตอนนี้คือลูกค้าใช้เวลารอรถประมาณ 60 วัน แต่หากเป็นแบรนด์คู่แข่งอย่างฮีโน่นั้น รอรถนานกว่า 6 เดือน ซึ่งปัจจัยนี้เป็นส่วนช่วยผลักดันให้เราสามารถสอดแทรกเข้าไปในตลาดนี้ได้ และในอนาคตเมื่อมีการเพิ่มรถ 10 ล้อเข้ามาจำหน่าย และเออีซีเปิด เราก็คาดว่าจะทำยอดขายได้อย่างต่ำประมาณ 400 คัน  "
  สำหรับยอดขายของทาทา มอเตอร์ส ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมามีประมาณ 2,500 คัน ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้านี้ที่ขายได้ 3,000 คัน โดยสาเหตุที่ลดลงมาจากการเตรียมเปิดตัวรถรุ่นใหม่ ทำให้รถขาดช่วง อย่างไรก็ตามคาดว่าจนถึงสิ้นปีจะสามารถทำยอดขายได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ 8,000 - 9,000 คัน 



// //

Copyright (c) 2010 munjeed.com All rights reserved.