วินาศภัยเริ่มขยาดอีโคคาร์
 


วินาศภัยเริ่มขยาดอีโคคาร์


วินาศภัยเริ่มขยาดอีโคคาร์

อานนท์ วังวสุอานนท์ วังวสุกรุงเทพประกันภัยออกโรงเตือน ตลาดโหมแข่งเบี้ยอีโคคาร์ระวังกลายเป็นระเบิดเวลาซ่อนรูป โชว์สถิติการเกิดอุบัติเหตุสูงลิ่ว ทำต้นทุนธุรกิจพุ่งตาม ยันหากยังเล่นเบี้ยต่ำต้อนลูกค้าเข้าพอร์ตมีหวังระยะยาวบริษัทเจ๊ง ด้านค่ายวิริยะเร่งปรับตัวโยนลูกค้าซื้อประกันชั้น 1 จ่ายค่าเสียหายส่วนแรก หากต้องการเบี้ยถูก เชื่อส่งเสริมคนรักรถ-ระวังตัวเองมากขึ้น-คุมความเสียหายได้ดี
 นายอานนท์ วังวสุ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัทกรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) และในฐานะเลขาธิการ สมาคมประกันวินาศภัย กล่าวถึงทิศทางธุรกิจประกันภัยรถยนต์ (motor) ช่วงที่เหลือของปี 2555 ว่า ยังมีแนวโน้มขยายตัวได้ดี โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากยอดสั่งจองรถยนต์ขนาดเล็ก (อีโคคาร์) ที่มียอดการสั่งจองเข้ามาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี ซึ่งเชื่อว่าจะส่งผลให้ภาพรวมธุรกิจประกันรถยนต์ปีนี้มีอัตราการเติบโตสูงถึง 30-40% และมีโอกาสที่อัตราเบี้ยประกันภัยรถยนต์ขนาดเล็กจะเร่งตัวขึ้น ขณะที่เบี้ยประกันภัยรถยนต์ขนาดใหญ่ยังมีทิศทางทรงตัว
 ทั้งนี้ ช่วงที่ผ่านมายอมรับว่าการแข่งขันชิงเบี้ยประกันภัยจากรถยนต์ขนาดเล็กมีระดับที่รุนแรงมาก และถ้าหากยังคงระดับความรุนแรงไว้หรือยกระดับให้รุนแรงมากขึ้นโดยไม่มีการกระจายตลาด เชื่อว่าจะสร้างความยากลำบากให้แก่ผู้ประกอบการในอนาคต จากปัจจัยการปรับขึ้นของต้นทุน อาทิ ค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท ค่าอะไหล่ที่ปรับขึ้น 1-2 % เห็นได้จากสถิติการขอปรับขึ้นค่าซ่อมจากอู่คู่สัญญาตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมามีรอบการขอขึ้นบ่อยครั้ง ส่งผลกระทบตรงต่อต้นทุนในภาพรวมเร่งตัวขึ้น 5-7% หรือสูงกว่า
                โดยเฉพาะน้ำหนักในเรื่องอัตราความเสียหาย (Loss Ratio) ที่ยังถือว่าอยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับอัตราความเสียหายของรถยนต์ขนาดปกติที่มีค่าเฉลี่ยที่ 65% สวนทางกับอัตราเบี้ยประกันภัยที่อยู่ในระดับต่ำหรือกรมธรรม์ละประมาณ 1 หมื่นบาทต้นๆ เท่านั้น ดังนั้นแม้รถยนต์ขนาดเล็กจะถูกประเมินว่าเป็นรถราคาถูก แต่กลับมีต้นทุนด้านการประกันภัยที่ค่อนข้างสูงอีกทั้งยังไม่สามารถควบคุมได้ หากบริษัทประกันภัยยังดื้อแพ่งที่จะแข่งขันอย่างรุนแรงต่อไปจะกลายเป็นระเบิดเวลาที่รอวันปะทุขึ้น
                "หากบริษัทยังเน้นแข่งขันเบี้ยถูกแบบนี้ต่อไปก็มีแต่ขาดทุน เหมือนเป็นระเบิดเวลา เพราะถึงแม้ปัจจุบันอัตราการเกิดอุบัติเหตุเมื่อเทียบกับอดีตในช่วงหลายปีที่ผ่านมาจะปรับลดลงบ้างจากมากกว่า 1% ลงมาอยู่ที่ 0.8% แต่ต้องยอมรับว่าอัตราการเกิดอุบัติเหตุรถขนาดเล็กก็ยังสูงอยู่ดี และยังสูงกว่ารถยนต์ขนาดใหญ่ที่มีสถิติเพียง 60-65% ที่สำคัญรถขนาดเล็กส่วนใหญ่คนที่ใช้ยังเป็นวัยรุ่น หรือเพิ่งมีรถคันแรก ดังนั้นความสามารถในการขับและการระมัดระวังยังน้อยกว่ากลุ่มผู้ที่เน้นรถขนาดใหญ่กว่านั่นเอง"
                 ด้านแหล่งข่าวจากบริษัทประกันภัยรายใหญ่ให้ข้อมูลว่า อัตราเบี้ยประกันเฉพาะรถยนต์ขนาดเล็กที่เน้นประหยัดน้ำมัน (อีโคคาร์) หากเทียบกับอัตราเบี้ยประกันโดยภาพรวมในปัจจุบันยังถือว่าอยู่ในระดับต่ำกว่าที่ควรจะเป็นมาก เห็นได้จากอัตราเบี้ยประกันภัยปี 2555 เทียบปี 2554 ที่เริ่มทำตลาดอีโอคาร์นั้นยังไม่ถือว่าเข้าขั้นรุนแรงมากนัก โดยบริษัทขนาดเล็กแข่งขันกันที่ระดับราคา 12,000-16,000 บาทต่อกรมธรรม์ ส่วนบริษัทขนาดใหญ่ที่เน้นคุณภาพการให้บริการจะแข่งขันที่ระดับราคา 17,000-20,000 บาทต่อกรมธรรม์ ขณะที่อัตราเบี้ยประกันปี 2555 แทบไม่มีการปรับขึ้นสวนทางกับการแข่งขันที่เร่งตัว
                 "ตอนนี้เริ่มมีความกังวลว่า หากตลาดยังเน้นการแข่งขันเรื่องเบี้ยโดยหันมาทำโปรโมชันกันรุนแรงขึ้น อาจส่งผลดีเพียงระยะสั้นแต่ระยะยาวอัตราเบี้ยที่ต่ำตรงข้ามกับต้นทุนที่มีแนวโน้มสูงขึ้น จะบั่นทอนความมั่นคงของเงินกองทุนแต่ละบริษัทได้ จากต้นทุนของบริษัทในสัดส่วน 40% ไม่นับรวมต้นทุนจากค่าใช้จ่ายด้านการตลาด อาทิ ค่าคอมมิสชันแก่บริษัทโบรกเกอร์และอื่นๆ"
 ขณะที่แหล่งข่าวจากบริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด กล่าวว่า การขยายตัวของตลาดประกันภัยรถยนต์โดยเฉพาะรถยนต์ขนาดเล็กในช่วงที่เหลือของปีมีแนวโน้มสูงมาก โดยสูงกว่าระดับที่บริษัทประเมินไว้ แต่การที่บริษัทมีการบริหารธุรกิจรถยนต์แบบครบวงจร โดยมีอู่ในเครือและอู่คู่สัญญาทั่วประเทศทำให้เชื่อว่าจะสามารถควบคุมต้นทุนได้ไม่ยากนัก แม้แนวโน้มต้นทุนจะปรับขึ้นเกือบ 10% ก็ตาม แต่บริษัทยังไม่มีนโยบายปรับเพิ่มเบี้ยประกันภัยรถยนต์ขนาดเล็กแต่อย่างใด เนื่องจากบริษัทยังสามารถบริหารความเสี่ยงได้อย่างดีตั้งแต่หลังเหตุการณ์น้ำท่วมเป็นต้นมา อีกทั้งยังมีแนวคิดว่าเบี้ยประกันภัยประเภทนี้น่าจะเป็นระดับที่ประชาชนทั่วไปเข้าถึงได้
 "ที่ผ่านมาอุตสาหกรรมประกันที่เกี่ยวเนื่องกับรถยนต์ปรับตัว โดยเบี้ยรถยนต์ชั้น 1 ภาคสมัครใจ จะมีให้ลูกค้าเลือกซื้อว่าหากต้องการจ่ายเบี้ยที่ถูกลง เมื่อมีการเคลมเกิดขึ้นลูกค้าจะต้องจ่ายค่าเสียหายส่วนแรก (ค่าดีดัก เทเบิล) ในระดับตั้งแต่ 3,000-5,000 บาทต่อครั้ง จากเดิมที่ไม่ต้องจ่าย ซึ่งข้อดีคือให้เจ้าของรถรู้จักระวังและรักษารถตัวเองมากขึ้น เนื่องจากหากรถเกิดอุบัติเหตุหรือเฉี่ยวชนโดยหาคู่กรณีหรือเจ้าของรถเป็นฝ่ายผิดแล้ว เจ้าของรถจะต้องเป็นฝ่ายสำรองจ่ายก่อน เชื่อว่าน่าจะทำให้อัตราการเกิดอุบัติเหตุปรับลดลง และลูกค้ายังซื้อประกันได้ในราคาที่ถูกลงด้วย ส่วนบริษัทประกันภัยยังสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายที่เกิดจากซ่อมได้ดีขึ้น"  
 อย่างไรก็ตาม แนวโน้มจำนวนรถยนต์ที่จะออกสู่ตลาดน่าจะมีรถยนต์ป้ายแดงที่ทำประกันภัยกับบริษัทไม่ต่ำกว่า 350,000 คัน โดยผ่านทางบริษัทโบรกเกอร์และค่ายรถยนต์เฉลี่ยเบี้ยประกันคันละ 20,000 บาท ซึ่งเป็นอานิสงส์จากนโยบายมาตรการภาษีรถคันแรก ประกอบกับธนาคารพาณิชย์ยังมีการแข่งขันจากดอกเบี้ยเช่าซื้อซึ่งเป็นปัจจัยเร่งให้ประชาชนตัดสินใจซื้อรถใหม่เร็วขึ้นด้วย
 แหล่งข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.)คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย ให้ข้อมูลว่า ปี 2555 ธุรกิจวินาศภัย จะมีอัตราการเติบโตประมาณ 12.01% คิดเป็นเบี้ยประกันวินาศภัยจำนวน 156,575 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนเบี้ยประกันต่อจีดีพี 1.37% ซึ่งธุรกิจประกันรถยนต์ที่เพิ่มสูงขึ้นน่าจะขยับให้อัตราการเติบโตใกล้เคียงหรือสูงกว่า 20% คิดเป็นอัตราเบี้ยประกันภัยใกล้เคียง 200,000 ล้านบาท



// //

Copyright (c) 2010 munjeed.com All rights reserved.