ปอร์เช่ระบุยอดขายครึ่งปีแรกโกย 71 คัน คาดสิ้นปีอาจมีการขยับเป้าหมายมากกว่า 130 คัน พร้อมเปิดตัวรถน้องใหม่ นิว บ๊อกซเตอร์ เคาะราคาเริ่มต้น 7.99 ล้านในรุ่นธรรมดา และในรุ่น เอส 8.6 ล้าน
นางสาวปณิธชฎา โปษยานนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ปอร์เช่อย่างเป็นทางการในประเทศไทย เปิดเผย"ฐานเศรษฐกิจ"ว่ายอดขายในช่วงครึ่งปีแรกของปอร์เช่มีจำนวน 71 คัน และมียอดขายล่วงหน้าอีกกว่า 57 คัน ที่รอส่งมอบให้กับลูกค้า ซึ่งบริษัทมีการคาดการณ์ว่าจนถึงสิ้นปีจะมียอดขายรวมทั้งสิ้นกว่า 130 คัน โดยแบ่งยอดขายในแต่ละรุ่นออกเป็น คาเยน 60 คัน ,911 ใหม่ 25 คัน,พานาเมร่า 15-20 คัน และบ๊อกซเตอร์ 20 คัน
"เราคาดว่าเป้าหมายที่วางไว้ตั้งแต่ต้นปีอาจจะมีการปรับขึ้น เพราะตอนนี้ยอดจองรถแต่ละรุ่นเกินจากเป้าที่ได้วางไว้ ยกตัวอย่าง คาเยน ที่วางไว้ทั้งปี 60 คัน แต่ตอนนี้ยอดทะลุไปแล้วกว่า 70 คัน ส่วน 911 ที่วางไว้ 25 คัน ก็มีตัวเลขใกล้เคียงกับเป้าแล้ว"
นางสาวปณิธชฎา กล่าวเพิ่มเติมว่า ยอดขายที่เติบโตเป็นผลมาจากความเชื่อมั่นในตัวสินค้าที่มาจากตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ล่าสุดบริษัทได้เปิดตัวบ๊อกซเตอร์ เจเนอเรชันใหม่ล่าสุด หรือ The New Boxster โดยมีให้เลือกทั้งบ๊อกซเตอร์ Boxster และบ๊อกซเตอร์ เอส Boxster S บ๊อกซเตอร์ ใหม่ ทั้ง 2 รุ่นมาพร้อมกับ เครื่องยนต์ 6 สูบ เรียงนอน, รุ่นมาตรฐานจะมีกำลังสูงสุด 265 แรงม้า (195 กิโลวัตต์) ซึ่งมาจากเครื่องยนต์ 2.7 ลิตร และถือได้ว่ามากกว่ารุ่นเดิม 10 แรงม้า ขณะที่รุ่น บ๊อกซเตอร์ เอส Boxster S มาพร้อมกับขนาดเครื่องยนต์ 3.4 ลิตรและมีกำลังเครื่องยนต์สูงสุด315 แรงม้า (232 กิโลวัตต์) มากกว่ารุ่นเดิม 5 แรงม้า
โดยทั้งสองรุ่นติดตั้งระบบส่งผ่านกำลังแบบระบบเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะมาเป็นมาตรฐานให้กับรถ และสามารถเลือกติดตั้งระบบเกียร์อัตโนมัติคลัตช์คู่ 7 จังหวะอย่าง Porsche Doppelkupplungsgetriebe (PDK) เป็นอุปกรณ์เสริมได้
สำหรับรถรุ่นนี้ได้รับการปรับเปลี่ยนตัวถังใหม่ให้เบากว่าเดิม - ฐานล้อและตัวรถที่มีขนาดความยาว-กว้างขึ้นและล้อขนาดใหญ่ นอกจากนั้นแล้วยังมีการติดตั้งระบบพวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้าที่จะทำให้การขับขี่มีความคล่องตัวมากขึ้น และอัตราการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงต่ำลงถึง 15% หรือมีอัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงต่ำกว่า 8 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร สนนราคาเริ่มต้นของ บ๊อกซเตอร์ 7.99 ล้านบาทและบ๊อกซเตอร์ เอส เริ่มต้นที่ 8.6 ล้านบาท
นางสาวปณิธชฎา กล่าวว่า รถรุ่นใหม่นี้เริ่มเปิดจองในงานมอเตอร์โชว์ และสามารถทำยอดจองได้ 8 คัน และคาดว่าจนถึงสิ้นปีจะมียอดขายจำนวน 20 คัน และพร้อมส่งมอบก่อนประมาณ 15 คัน และที่เหลือจะทยอยให้ทันในช่วงต้นปี 2555 ขณะเดียวกันในปี 2555 ก็คาดว่าความนิยมของรถในรุ่นนี้จะมีมากขึ้น ทำให้บริษัทตั้งเป้าหมายว่าจะทำยอดขายได้ประมาณ 30 คัน
ด้านความเคลื่อนไหวของโชว์รูมแห่งใหม่ คาดว่าจะแล้วเสร็จก่อนปี 2557 เนื่องจากปัจจุบันประชากรปอร์เช่ที่มีอยู่ในประเทศไทย รวมไปถึงความต้องการของลูกค้าทีเพิ่มมากขึ้น ทำให้ต้องมีการขยายโชว์รูมและศูนย์บริการเพื่อออกมารองรับ
"ยอดขายของเราเติบโตต่อเนื่อง ดังนั้นการทำโชว์รูมออกมาก็จะรองรับกับการเติบโตในอนาคต ขณะที่ความกังวลใจเกี่ยวกับเกรย์มาร์เก็ตนั้น เรามองว่าลูกค้าคนละกลุ่มกัน โดยลูกค้าที่ซื้อรถกับเราก็เพราะต้องการการบริการหลังการขายและโชว์รูมที่มีมาตรฐาน "