เมอร์เซเดส-เบนซ์เปิดตัวเอสแอล 500 ใหม่ เคาะราคาล้วงกระเป๋าเศรษฐี 14.499 ล้านบาท ชี้ตลาดรถหรูไทยยังขยายตัวต่อเนื่อง ไม่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติยุโรป 5 เดือนแรกโกยไปแล้ว 2,316 คัน คาดทั้งปีแตะ 6 ,000 คันแน่
นายอเล็กซานเดอร์ เพาฟเลอร์ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้จัดจำหน่ายรถยนต์เมอร์เซเดส -เบนซ์ในประเทศไทย เปิดเผยว่า แม้จะมีวิกฤติเศรษฐกิจในยุโรป ตลาดรถยนต์นั่งระดับหรูหราในประเทศไทยยังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดบริษัทได้เปิดตัวรถธงระดับสุดยอด เมอร์เซเดส- เบนซ์ เอสแอล โฉมใหม่ เป็นครั้งแรกในภูมิภาคอาเซียน โดยนำเข้ารุ่นเอสแอล 500 มาจำหน่ายในราคาที่จูงใจมากเพียง 14.499 ล้านบาท มาพร้อมกับชุดแต่ง AMG Sports package กันชนหน้า กันชนหลัง และสเกิร์ตข้าง) พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันดีไซน์สปอร์ตแบบ 3 ก้าน แผงหน้าปัดลายธงตาหมากรุก ระบบกันสะเทือนแบบสปอร์ตที่ได้รับการปรับแต่งเป็นพิเศษ และต่ำลงกว่าปกติ 10 มม. ดิสก์เบรกหน้า-หลังแบบมีช่องระบายความร้อน พร้อมสัญลักษณ์ Mercedes-Benz ล้ออัลลอย AMG ลาย 5 ก้าน ขนาด 19 นิ้ว พร้อมยางหน้า 225/35 R19 และยางหลัง 285/30 R19 ส่วนเอสแอล 350 อยู่ระหว่างการกำหนดราคา โดยบริษัทไม่ได้ตั้งเป้าการจำหน่าย เนื่องจากเอสแอล 500 เป็นรถธงที่สร้างภาพลักษณ์หรูหรา กลุ่มลูกค้าจะเป็นกลุ่มระดับบน
"ตลาดรถยนต์ไทยยังคงขยายตัวอย่างร้อนแรงต่อเนื่อง มีการคาดการณ์ว่าการผลิตรถยนต์ในไทยจะพุ่งไปแตะ 2.2 ล้านคัน และจะเป็นยอดขายภายในประเทศประมาณ 1 ล้านคัน ขยายตัวสูงกว่าปีที่ผ่านมา ที่ประสบกับปัญหาน้ำท่วมใหญ่ ขณะที่ตลาดรถยนต์ระดับหรูหราในปีนี้ น่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 10% จากที่ในปี 2554 ตลาดรถหรูมียอดขายรวม 17,000-18,000 คัน ส่วนค่ายเมอร์เซเดส -เบนซ์ ในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2555 มียอดขายรวม 2,316 คัน เติบโตขึ้น 17% ยอดขายส่วนใหญ่จะเป็นรุ่นอีคลาส และซีคลาส คาดว่าหากตลาดรถหรูยังขยายตัวต่อเนื่อง สิ้นปีนี้ เบนซ์ น่าจะมียอดขายได้ถึง 6,000 คัน แม้ว่าปัจจุบันจะมีความเป็นห่วงผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจยุโรป แต่ขณะนี้ยังไม่มีผลใดๆต่อเมอร์เซเดส -เบนซ์"
นายเพาฟเลอร์ กล่าวต่อไปว่า เมอร์เซเดส- เบนซ์ เอสแอล 500 ใหม่ ดีไซน์เน้นความหรูหรา สง่างาม ทันสมัยในสไตล์สปอร์ต ที่ผสมผสานกับความคลาสสิกอันเป็นเอกลักษณ์โดดเด่นของตระกูลนี้
ไฟหน้าแบบไบซีนอนพร้อมกับระบบส่องสว่างอัจฉริยะ (Intelligent Light System - ILS) โดยมีฟังก์ชันการส่องสว่างถึง 5 แบบ เพื่อปรับให้เหมาะกับลักษณะการขับขี่ในสภาพอากาศแบบต่างๆ เพื่อสร้างวิสัยทัศน์ที่สว่างชัดเจนยิ่งขึ้น และไฟ daytime สำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED นอกจากนั้นยังโดดเด่นด้วยระบบเปิด-ปิดฝากระโปรงท้ายอัตโนมัติ (HANDS-FREE ACCESS) เพียงยื่นปลายเท้าไปใต้กันชนหลัง และหลังคากระจกแบบ Panoramic Vario-roof เปิด-ปิดหลังคาโดยใช้เวลาเพียง 20 วินาที โดยมาพร้อมกับฟังก์ชันพิเศษ MAGIC SKY CONTROL ที่สามารถปรับระดับความเข้มของหลังคาเพียงปลายนิ้ว พื่อเปลี่ยนโฉมให้กลายเป็นโรดสเตอร์หรือคูเป้ได้ตามต้องการอย่างรวดเร็ว นอกจากนั้นยนตรกรรม SL ใหม่นี้ยังเป็นเลิศด้วยคุณลักษณะการออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ (aerodynamics) จึงทำให้ค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทาน (Cd) เท่ากับ 0.27 ในรุ่น เอสแอล 350 และ 0.29 ในรุ่น เอสแอล 500
เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอสแอล 500 พร้อมกับเครื่องยนต์ BlueDIRECT V8 เทอร์โบคู่ 4663 ซีซี ที่ให้กำลังสูงสุดถึง 320 กิโลวัตต์ (435 แรงม้า) มากกว่ารุ่นก่อนถึง 12% มีอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงลดลงถึง 22% พร้อมแรงบิดที่เพิ่มขึ้นจาก 530 นิวตัน-เมตร เป็น 700 นิวตัน-เมตร ซึ่งให้แรงบิดเพิ่มขึ้นกว่าเดิมถึง 32% ในขณะที่ เอสแอล 350 มาพร้อมกับเครื่องยนต์ BlueDIRECT V6 3498 ซีซีให้กำลังสูงสุด225 กิโลวัตต์ (306 แรงม้า) แรงบิดที่ 370 นิวตัน-เมตร มีอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงที่ 6.8-7.5 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร หรือ 13.3 - 14.7 กิโลเมตรต่อลิตร ทำให้ประหยัดขึ้นกว่าเดิมถึง 30% สำหรับอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในรุ่น เอสแอล 350 ที่ 5.9 วินาทีและ 4.6 วินาทีในรุ่น เอสแอล 500 โดยทั้งสองรุ่นถ่ายทอดกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติเดินหน้าแบบ 7 จังหวะ 7G-TRONIC PLUS ซึ่งให้สมรรถนะการขับขี่อย่างดีเยี่ยม พร้อมเพิ่มความประหยัดด้วยฟังก์ชัน ECO Start/Stop ซึ่งเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน