ชักธงรบ Volkswagen Amarok ร่วมบู๊ สงครามกระบะ เมืองไทย!!
 


ชักธงรบ Volkswagen Amarok ร่วมบู๊ สงครามกระบะ เมืองไทย!!


ชักธงรบ Volkswagen Amarok ร่วมบู๊ สงครามกระบะ เมืองไทย!!

สงครามรถกระบะในเมืองไทยระอุขึ้นตั้งแต่ต้นปี 2012 ค่ายรถต่างรูดม่านเปิดตัวรถกระบะรุ่นใหม่กันอย่างพร้อมเพรียง และมีถึง 4 ค่ายที่เปลี่ยนโฉมใหม่ทั้งหมด Ford Ranger T6, Mazda BT50 Pro, Chevloret Colorado และ All new Isuzu

ทั้ง 4 ค่ายร่วมกันทำสงครามยอดขาย ส่งอาวุธหนัก ไม่ว่าจะทั้งโปรโมชั่นและประโคมโฆษณากันอย่างครึกโครมเพื่อเอาใจผู้บริโภค  แต่สงครามในครั้งนี้ยังไม่จบลง ก็กลับมีการปรากฏกายของคู่แข่งหน้าใหม่ ที่ว่ากันว่า น่าจะเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวและอำมหิตไม่ใช่เล่น...

Volkswagen Amarok เริ่มมีเค้าลางเด่นชัดขึ้น เมื่อบริษัท ไทยยานยนต์ จำกัด เปิดเผยว่า เตรียมขายรถกระบะรุ่นนี้ในเมืองไทย และคาดว่าจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในงาน Thailand International Motor Expo 2012 ปลายปีนี้

ไทยรัฐออนไลน์ จะพาไปทำความรู้จักกับ Volkswagen Amarok ว่าที่คู่แข่งฉกาจหน้าใหม่ในตลาดกระบะที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกอย่างบ้านเรา

เครื่องดีเซล 2.0 แต่แรงม้า กระหึ่ม!!
Volkswagen Amarok ตัวที่จะเข้ามาทำตลาดในไทย คาดว่าจะใช้เครื่องยนต์ดีเซลขนาด 2.0 ลิตร 1968 ซีซี. เรียกได้ว่า มีขนาดเล็กที่สุดในบรรดากระบะเมืองไทย แต่อย่าเพิ่งตกใจ เพราะแรงม้าที่ได้มาถึง 177 ตัว และทำความเร็วจาก 0-100 ด้วยเวลาน้อยกว่า 12 วินาที ความเร็วสูงสุด 180 กม./ชม. และมีเรี่ยวแรงในการลากจูงถึง 2.8 ตัน มันบ่งบอกว่าพละกำลังของมันมากกว่าเครื่อง 2.5 และลามปามไปถึงเครื่องขนาด 2.8 ลิตรในกระบะบางรุ่นเสียอีก ไฮไลท์สำคัญอยู่ที่การถ่ายทอดพละกำลังลงพื้นผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติที่มีมากถึง 8 สปีด!!!

มิติตัวรถ ต้องเรียกว่าไซส์ยักษ์
ตัวรถมีความกว้าง 1,944 มม. ความยาว 5,254 มม. และสูงถึง 1,834 มม. เลยทีเดียว อีกทั้งแบกน้ำหนักตัวมา 1.9 ตัน ต้องบอกว่าถือเป็นรถกระบะที่รูปร่างใหญ่ หนัก และบึกบึนมาก แต่นั่นไม่ใช่อุปสรรค เพราะถึงแม้จะมีการขับเคลื่อนแบบ 4x4 แต่อัตราการบริโภคน้ำมันแค่ 13.1 กม./ลิตร ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดีน่าคบหาไม่น้อย

รูปร่างน่าหลงใหล สไตล์ยุโรป
การออกแบบมีกลิ่นอายรถยุโรปค่อนข้างรุนแรง รูปทรงสไตล์เหลี่ยมมองเผินๆ รูปร่างคล้ายคลึงกับ Volk Golf รถสปอร์ตแฮชแบ็คอัน เลื่องชื่อของค่าย มาพร้อมกับล้อแม็กซ์อัลลอยขนาด 16 นิ้ว แต่ที่น่าสนใจเราพบว่ามันเป็นล้อแบบ 5 รูนอต ซึ่งแตกต่างกับกระบะทั่วไปที่มักใช้ล้อขนาด 6 รูแทบทั้งหมด และคาดว่าจะโอบรัดด้วยยางขนาด 245/70/16 มาจากโรงงาน

ระบบความปลอดภัย อื้อซ่า
มีถุงลมนิรภัยคู่หน้า ระบบเบรก ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD ระบบช่วยเบรก  Brake Assist System (BAS) ระบบควบคุมการเบรก Control Electronic Braking (EBC)  และระบบป้องกันการลื่นไถลและล้อหมุนฟรี  Traction Control System (TCS)

แม้ราคาค่าตัวที่คาดว่าน่าจะแตะราว 1.8 ล้านบาท แต่คงปฏิเสธไม่ได้ว่า สงครามรถกระบะในบ้านเราคงไม่จบลงง่าย และเห็นทีจะยังร้อนระอุต่อเนื่องไปยันปีหน้าอย่างแน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่ในช่วงปลายปี Volkswagen Amarok จะเข้ามาเพิ่มการแข่งขันให้ทะลุปรอทแตกขึ้นไปอีก แต่สุดท้ายการแข่งขันจะดุเดือดเลือดพล่านเพียงใด ประโยชน์ก็จะตกอยู่ที่ผู้บริโภคชัวร์...

 

 



// //

Copyright (c) 2010 munjeed.com All rights reserved.