ไทยรุ่งยูเนี่ยนคาร์ สบช่องอุตสาหกรรมยานยนต์โต เตรียมเทงบกว่า 400 ล้าน ขยายกำลังการผลิต-ลงทุนเครื่องจักรใหม่-รับจ้างประกอบให้ค่ายรถยนต์ คาดสิ้นปีผลประกอบการเติบโต40% โกยรายได้กว่า 3พันล้านบาท
นายสมพงษ์ เผอิญโชค กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยรุ่งยูเนี่ยนคาร์ จำกัด (มหาชน)กล่าวว่า ภาพรวมของอุตสาหกรรมยานยนต์ในปีนี้เติบโตแบบก้าวกระโดดมาก ในส่วนของผู้ผลิตรถยนต์และผู้ผลิตชิ้นส่วนมีการทำงานมากกว่า 24 ชั่วโมงเพื่อจะผลิตให้ทันกับความต้องการของตลาด โดยคาดว่าเป้าหมายการผลิต 2 ล้านคันอาจจะขยับมาเป็น 2.1-2.2 ล้านคัน
"ภายใน 2-3 ปีข้างหน้าเราเชื่อว่ายอดผลิตจะก้าวไปสู่ 3 ล้านคัน เพราะปัจจุบันผู้ผลิตจากญี่ปุ่นรวมไปถึงฐานการผลิตอื่นๆก็ย้ายฐานเข้ามาผลิตในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก เนื่องจากต้นทุนในการผลิตในประเทศเหล่านั้นสูง รวมไปถึงทิศทางการลงทุนของผู้ผลิตรถยนต์ ที่มีแนวโน้มจะหาผู้รับจ้างประกอบแทนที่จะลงทุนทั้งหมด ทั้งนี้เพื่อประกันความเสี่ยงในอนาคต"
นายสมพงษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากแนวโน้มการเติบโตดังกล่าว ทำให้บริษัทเล็งเห็นโอกาส จึงมีการลงทุนเพิ่มเติมมากกว่า 400 ล้านบาทเพื่อขยายกำลังการผลิตในส่วนต่างๆเริ่มตั้งแต่ลงทุนติดตั้งเครื่องจักรผลิตชิ้นส่วนที่โรงงานปัจจุบัน ,ลงทุนเครื่องจักรใหม่สำหรับงานแม่พิมพ์และอุปกรณ์จับยึด ในส่วนนี้จะใช้เม็ดเงินลงทุนประมาณ 205 ล้านบาท และลงทุนห้องพ่นสีเพิ่มเติม เพื่อรองรับงานรับจ้างประกอบและพ่นสีให้บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ ,รถบรรทุก,กลุ่มเครื่องจักรอุตสาหกรรมและเครื่องจักรกลทางการเกษตร
"เราเพิ่งเริ่มประกอบนิสสัน นาวารา เนื่องจากกำลังการผลิตของโรงงานนิสสัน ที่ประกอบอยู่เต็ม และแม้นิสสันจะให้โรงงานมิตซูบิชิช่วยประกอบแต่ก็ยังไม่เพียงพอ ดังนั้นไทยรุ่งจึงได้รับโอกาสในการประกอบ โดยในส่วนนี้มีการลงทุนปรับไลน์ต่างๆประมาณ 100 - 150 ล้านบาท ซึ่งเริ่มผลิตตั้งแต่เดือน พฤษภาคม และผลิตออกมาได้ประมาณ 2,000 คันแล้ว และมีเป้าหมายการผลิตต่อเดือนที่ 4,000 คัน หรือประมาณปีละ 50,000 คัน "
ขณะที่ธุรกิจรถอเนกประสงค์ ยังอยู่ในช่วงพัฒนาผลิตภัณฑ์รถทางการทหารหรือ เอ็มยูวี4และรถทีอาร์ ทรานส์ฟอร์เมอร์ ซึ่งทำให้ปริมาณการผลิตและส่งมอบน้อย อย่างไรก็ตามได้ขยายตลาดโดยมีการส่งออกรถรุ่นนี้ไปยังประเทศศรีลังกา และคาดว่าในอนาคตจะรุกไปยังพม่า,เวียดนามและกัมพูชา
สำหรับเป้าหมายรายได้ 2555 คาดว่าจะทำได้ประมาณ 3,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2554 ที่มีประมาณ 2,300 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตกว่า 40% เมื่อแบ่งสัดส่วนรายได้จะพบว่า แม่พิมพ์และชิ้นส่วนโออีเอ็ม และรับจ้างประกอบและพ่นสี ทำรายได้รวมกันมากกว่า 86% ส่วนรายได้จากรถอเนกประสงค์ คิดเป็น 4% และรายได้จากส่วนอื่นๆ10%
"เป้าหมายที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่ มาจากปริมาณงานชิ้นส่วนของลูกค้าอย่างนิสสัน,จีเอ็มและอีซูซุ ที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันรายได้จากธุรกิจรับประกอบและพ่นสี ซึ่งไตรมาสแรกโตกว่า 24% เนื่องจากงานรับจ้างประกอบของนิสสันเพื่อส่งออกต่างประเทศมีมากขึ้น และในปีนี้บริษัทก็ได้รับงานประกอบพ่นสีรถบรรทุกขนาดกลางอีซูซุเพิ่มขึ้นด้วย ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งที่น่าสนใจก็คือลูกค้าในกลุ่มเครื่องจักรอุตสาหกรรมและทางการเกษตร ก็มีเช่น โคมัตสุ,โคเบลโกและยันม่าร์ รวมไปถึงที่กำลังเจรจาเพิ่มเติมอย่าง แคทเตอร์พิลลาร์"
