เสียงนิ้วมือกระแทกลงบนคีย์บอร์ดแทบจะทันทีทันใด หลังกลับจากจบภารกิจทดสอบเจ้ายักษ์ 100 ปี "Chevrolet Colorado ใหม่" ด้วยเหตุผลเดียว คือ ตื่นเต้นกับความรู้สึกที่เพิ่งสัมผัสมา อยากจะถ่ายทอดให้ได้อย่างครบถ้วน
ชื่อรุ่นเต็มๆ ยาวๆ เจ้าคันนี้คือ Chevrolet Colorado 2.8 4x4 C-Cab AT LTZ Z71 ซึ่งเป็นตัวท็อปที่สุดในรุ่น รถคันนี้ถูกส่งมาถึงมือ โดยมีเส้นขีดของเวลาที่จะให้ได้คลุกคลีตีโมงทำความรู้จักเป็นเวลา 4 วัน 3 คืนถ้วน งานนี้ได้รู้จักกันยาวๆ เรียกว่าสนิทสนมรู้ไส้รู้พุงกันไปเลย...
จากประสบการณ์ 100 ปี และเม็ดเงิน 60,000 ล้าน!!!...
รถกระบะของค่ายโบว์ไทตกอยู่ใต้ร่มเงาของคู่แข่งค่ายต่างๆ มาตลอด โดยเฉพาะค่ายพันธมิตรอย่าง isuzu ยิ่งแล้วใหญ่ พัฒนาร่วมมือกันมาดีๆ แต่เวลาขายจริงมักทำยอดขายฉีกหายไม่ไว้หน้า ดูจะเสียชั้นเชิงไปสักหน่อยกับค่ายยักษ์ใหญ่อย่าง Genaral Motor หรือ GM
การกลับมาของ New Colorado ในครั้งนี้ แบกความคาดหวังมาเต็มบ่า เพราะ Colorado รุ่นใหม่คันนี้เป็นการลงทุนระดับเมกะโปรเจกต์ มูลค่านับ 60,000 ล้านบาท ผ่านการวิจัยภายใต้รหัสโครงการ GMI700 โดยใช้เวลาถึง 5 ปี เป็นโครงการพัฒนารถกระบะครั้งยิ่งใหญ่สุดในประวัติศาสตร์ของ Chevrolet เพื่อให้สมกับสโลแกนที่ว่า "รถกระบะที่สร้างจากประสบการณ์ 100 ปี"
ภายนอก นี่มันหล่อฟ้าประทาน ชัดๆ!!
รูปแบบการดีไซน์ภายนอก อันเป็นส่วนสำคัญและจะดึงดูดสายตาผู้พบเห็น ถูกบรรจงออกแบบโดย Advanced Design Center ศูนย์การออกแบบในประเทศบราซิล
ตัวถังมีขนาดใหญ่ขึ้นกว่าโคโลราโดรุ่นเดิมอย่างชัดเจน มิติของรุ่น 2.8 LTZ Z71 4x4 ซึ่งเป็นรุ่นที่เราทดสอบ มีความยาวตัวรถถึง 5,250 มม. ความกว้าง 1,882 มม. และมีความสูง 1,790 มม. ซึ่งสูงเหนือตัวอื่นๆ ในรุ่นทั้งหมด
การออกแบบด้านหน้าโดดเด่นด้วย Dual Port เป็นช่องดักลม 2 ชั้น ที่น่าจะกลายเป็นเอกลักษณ์ของรถค่ายนี้ไปแล้วในระยะหลัง ถูกขนาบข้างด้วยไฟหน้าโปรเจกเตอร์ขนาดใหญ่ทรงเหลี่ยม มีไฟหรี่และไฟเลี้ยวอยู่ในโคมเดียวกัน กันชนหน้าด้านล่างถูกติดตั้งไฟตัดหมอกแบบลูกแก้วล้อมกรอบด้วยโครเมียม ด้านข้างโป่งล้อขนาดใหญ่ถูกออกแบบเป็นชิ้นเดียวกับตัวรถ เพิ่มมัดกล้ามให้มีความบึกบึนดูแข็งแกร่งไม่ทิ้งสายเลือดกระบะอเมริกัน
กระบะหลัง ถูกออกแบบอย่างมีชั้นเชิงภายใต้ขนาดที่ใหญ่ขึ้นเพื่อรองรับการบรรทุกอย่างไร้ขีดจำกัด ไฟท้ายเป็นแบบ LED ให้ความสว่างและสวยงาม น่าจะเรียกได้ว่า การออกแบบกระบะท้ายของโคโลราโดดูจะมีความลงตัวและสวยงามที่สุดในบรรดารถกระบะรุ่นใหม่ๆ ของเมืองไทยก็คงไม่ผิดไปจากนี้นัก
เนื่องจากตัวนี้เป็นตัวท็อป เราจะได้พบการตกแต่งที่แตกต่างไปจากรุ่นทั่วๆ ไป มีการติดตั้ง แร็คหลังคา กันชนท้าย และบันไดข้าง ส่วนล้อจะเป็นขนาด 17 นิ้วโอบรัดด้วยยาง Bridgestone Dueler ขนาด 255/65/17 ในคันที่ทดสอบ
แต่ที่น่าประหลาดใจ เพราะเรากลับไม่พบ Park Sensor ในรถรุ่นนี้ซะอย่างนั้น ทั้งที่ราคาของรถห่างจากหลักล้านเพียง 2 พันบาท!! และมันจะเป็นเรื่องสาหัสทันทีเมื่อต้องเข้าไปจอดในห้างสรรพสินค้าที่รปภ.เอาแต่นอน เพราะความยาวที่ตัวรถพกพามาเต็มเหนี่ยวจะเป็นปัญหาแน่นอน
ดีไซน์ภายในขโมยแรงบันดาลใจจากซุปเปอร์คาร์
แผงหน้าปัดเป็นแบบ Dual Cockpit มีหน้าจอ Data Information Center (DIC) แสดงข้อมูลต่างๆ อยู่ตรงกลาง มีแรงบันดาลใจมาจาก Chevrolet Camaro อันเลื่องชื่อ พวงมาลัยเป็นแบบ 3 ก้าน มีมัลติฟังก์ชั่น ให้มาทั้งปุ่มควบคุมเครื่องเสียง-โทรศัพท์ และครูซคอนโทรล
ชุดเครื่องเสียงเป็นแบบ Built in ดีไซน์สอดรับกับแผงคอนโซล มีจอดิสเพลย์แสดงผลข้อมูลดิจิตอล ด้านล่างเป็นชุดแอร์ดิจิตอลสวยโดดเด่นที่สุดที่มีในรถกระบะตอนนี้ แต่ความสวยกลับคงลืมพาความสะดวกติดตัวมาด้วย!! เพราะเราจำเป็นต้องละสายตาจากถนนเพื่อก้มมองทุกครั้งที่ใช้งาน ตำแหน่งที่ติดตั้งถือว่าอยู่ต่ำค่อนข้างมาก จากที่ตั้งข้อสังเกตน่าจะเป็นเพราะแผงคอนโซลชุดนี้มีแสงสีฟ้าค่อนข้างสว่าง จึงทำให้วิศวกรต้องออกแบบให้มันลงไปต่ำจากระดับสายตาให้มากที่สุดเพื่อลดการก่อกวนทัศนวิสัยยามค่ำคืนก็เป็นได้
เบาะหนังที่มีเพียงในรุ่นท็อปเท่านั้น ขอบอกว่ามันเท่เกินคำบรรยาย ทำให้คิดเตลิดไปว่าเป็นเบาะหนังของรถสปอร์ตชั้นดีเลยทีเดียว แถมฝั่งคนขับปรับด้วยระบบไฟฟ้าซะด้วย แต่เมื่อลองใช้งานจริง แอบมีความเมื่อยล้าซ่อนอยู่พร้อมออกอาการเมื่อต้องเดินทางไกลๆ
งานดีไซน์ทั้งภายนอกและภายใน ขอสรุปเอาไว้ตรงนี้ว่า มันโดดเด่นค่อนไปทางเด่นมาก มันพร้อมที่จะให้ใครก็ตามหันมามองได้ทุกเมื่อยามเคลื่อนไหว มันไม่ได้เกินจริง เพราะสิ่งนี้เป็นสิ่งที่สัมผัสได้เต็มๆ อย่างไม่ต้องการปิดบัง และไม่ได้รับตังค์จนต้องชมออกนอกหน้า ด้วยงานดีไซน์ที่แอบทดคะแนน 9 เต็ม 10 ในใจ ส่วนการใช้งานอยู่แค่ 6.5 จาก 10 คะแนนเท่านั้น...
สมรรถนะ ความแรง ประหยัด เราจะกระโจนขึ้นรถไปทดสอบกัน!! ในตอนหน้า...ติดตามต่อพรุ่งนี้ได้เลย!!