ฐานการผลิตรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในอินเดีย
 


ฐานการผลิตรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในอินเดีย


ฐานการผลิตรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในอินเดีย
">รถยนต์รอการส่งออกที่ท่าเรือเมืองเจนไนอินเดียเป็นตลาดรถยนต์ที่เติบโตมากที่สุดเป็นอันดับสองของโลก และในแง่ของประเทศที่เป็นฐานอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์รายใหญ่ของโลก อินเดียอยู่ในลำดับที่ 6 ตามหลังจีน

สหรัฐอเมริกา เยอรมนี ญี่ปุ่น และบราซิล แต่ในปี 2011 ที่ผ่านมา อินเดียแซงหน้าจีนในเรื่องการผลิตรถยนต์บรรทุก และรถยนต์โดยสารไปแล้ว

นอกจากนี้ มีการคาดการณ์ว่าในปี 2015 อุตสาหกรรมผลิตยานยนต์ของอินเดียจะขยับขึ้นไปเป็นอันดับสามของโลก เป็นรองก็แต่เพียงจีนและสหรัฐอเมริกาเท่านั้น ปัจจัยที่ช่วยเร่งอันดับของอินเดียให้ทะยานสูงขึ้นนี้อยู่ที่รัฐทมิฬนาฑู ดีทรอยต์ของอินเดียนี่เอง

รัฐทมิฬนาฑูซึ่งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของอินเดีย มีประวัติยาวนานมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1840 ในฐานะฐานการผลิตรถยนต์ เครื่องยนต์ และชิ้นส่วนยานยนต์ที่สำคัญของอินเดีย

altปัจจุบัน รัฐทมิฬนาฑู เติบโตเป็นฐานการผลิตยานยนต์และชิ้นส่วนที่ใหญ่ที่สุดของประเทศอินเดียปัจจุบัน รัฐทมิฬนาฑู เติบโตเป็นฐานการผลิตยานยนต์และชิ้นส่วนที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ มีค่ายรถยนต์ชั้นนำจากต่างประเทศเข้ามาลงทุนแล้วมากมาย เช่น ฟอร์ด ฮุนได เรโนลต์ นิสสัน และมิตซูบิชิ

เมืองหลวงของรัฐทมิฬนาฑูคือเมืองเจนไน ติด 1 ใน 10 ของฐานการผลิตยานยนต์ของโลกไปแล้ว สามารถผลิตรถยนต์ได้ปีละ 1.3 ล้านคัน และผลิตรถบรรทุก และรถโดยสารได้อีก 360,000 คัน ที่สำคัญ กว่า 35% ของยอดการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์อยู่ในรัฐทมิฬนาฑู ถือว่าใหญ่ที่สุดในอินเดีย

นางสาวจายาละลิตา มุขมนตรีรัฐทมิฬนาฑู มีนโยบายชัดเจนที่สนับสนุนบริษัทต่างชาติให้เข้ามาลงทุนในรัฐของตน โดยเธอกล่าวในวิสัยทัศน์ของรัฐทมิฬนาฑู 2023 ว่า ภายใต้การบริหารของพรรค AIADMK ที่เธอเป็นประธาน อุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์จะเป็น อุตสาหกรรมการผลิตหนึ่งที่จะช่วยผลักดันให้เป้าหมายปี 2023 ของรัฐสำเร็จ

เป้าหมายดังกล่าวมุ่งทำให้ปี 2023 เป็นปีที่รัฐทมิฬนาฑูมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงให้ได้ 11% ต่อไปหรือมากกว่านั้น ตามรอยเท้าของมาเลเซีย และจีน ที่เคยมีอัตราเติบโตทางเศรษฐกิจ 7-10 % ต่อปี เป็นเวลาติดต่อกัน 20 ปี นับตั้งแต่ปี 1980

นอกจากนี้ มุขมนตรีหญิงเหล็กยังให้คำมั่นว่า รัฐทมิฬนาฑูจะเป็นรัฐที่มั่งคั่งมากที่สุดในอินเดีย และเป็นอันดับหนึ่งในทุกด้านของการพัฒนา

อย่างน้อยในปี 2012 นี้ อุตสาหกรรมการผลิตของรัฐอย่างเดียว ก็น่าจะเติบโตได้ถึง 14% เนื่องจากนโยบายสนับสนุนอุตสาหกรรมผลิตและชิ้นส่วนยานยนต์ที่ชัดเจน แถมยังเพิ่มการขยายอุตสาหกรรมเทคโนโลยีชีวภาพ อวกาศ และพลังงานทางเลือกอย่างพลังงานแสงอาทิตย์ด้วย

ต้นไม้จะเติบโตได้ดีฉันใด ดินก็ต้องดีเป็นรากฐานที่แข็งแรงฉันนั้น สิ่งที่ท้าทายนโยบายนี้ ก็คงจะมีแต่การวางระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานให้รองรับการเติบโตของอุตสาหกรรม

ซึ่งก็ไม่ได้เป็นที่นิ่งนอนใจ ภายใต้นโยบายเดียวกัน ก็มีแผนจะสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานที่ทันสมัย มีแผนการสร้างถนน 2,000 กม. เป็นทางด่วน 6-8 ช่องจราจร และทางหลวง 4 ช่องจราจร ระยะทางถึง 5,000 กม. และมีแผนเพิ่มพลังงานไฟฟ้าในปีนี้อีก 2,000 เมกะวัตต์ และเพิ่มอีก 10 เท่า ในอีก 10 ปี

นอกจากปัจจัยภาครัฐบาลท้องถิ่นที่มีนโยบายชัดเจนและสนับสนุนอุตสาหกรรมเต็มที่แล้ว รัฐทมิฬนาฑูเอง ยังมีเรื่องแรงงานที่มีฝีมือ จำนวนวิศวกรที่เพียงพอรองรับอุตสาหกรรม จุดแข็งด้านโลจิสติกส์ที่มีท่าเรือที่ทันสมัย และบรรยากาศด้านการลงทุนที่เอื้ออำนวย ทั้งสภาพอากาศ และอัธยาศัยของคนท้องถิ่น

สิ่งเหล่านี้จึงช่วยผลักดันให้ทมิฬนาฑูก้าวสูงการเป็นแหล่งผลิตอุตสาหกรรมยานยนต์ของอินเดียและของโลกได้

แม้จะมีปัญหาต่างๆ ที่เป็นที่คุ้นเคยของผู้อยู่ในแวดวงการลงทุนอินเดีย เช่น ความยุ่งยากซับซ้อนของระบบราชการ ระบบภาษี ระบบศุลกากร ระบบการตรวจลงตรา และระบบสวัสดิการแรงงาน ข้อได้เปรียบสำคัญที่บดบังปัญหาเหล่านั้นคือ economy of scale ที่มีสถานศึกษาที่สร้างวิศวกรและแพทย์ที่มีคุณภาพ ผลิตบุคลากรเพื่อช่วยผลักดันการเติบโตของอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งชนชั้นกลางที่ขยายตัวและมีพฤติกรรมบริโภคนิยมมากขึ้น แถมภาษาอังกฤษก็ไม่เป็นอุปสรรค

ภาคเอกชนไทย โดยเฉพาะในสาขาการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ ซึ่งเป็นที่ไว้วางใจจากบริษัทใหญ่ๆ ของโลก อาจมองเห็นโอกาสในดีทรอยต์อินเดีย ทั้งที่เป็นโอกาสจากรัฐบาลของรัฐ และโอกาสจากปัจจัยต่างๆ ในท้องที่ตามที่กล่าวมา

ที่สำคัญ อาจลองคิดเก็บเกี่ยวความสามารถของนักเรียนไทยที่เรียนในภาคใต้ของอินเดีย ที่มีจำนวนมากถึง 1,000 คน เรื่องนี้ ปรึกษากับสถานกงสุลใหญ่ของไทย ที่ปักหลักอยู่ในเมืองเจนไนได้เสมอ



// //

Copyright (c) 2010 munjeed.com All rights reserved.