">ฮุนไดไม่หวั่นคู่แข่งเปิดตัวรถใหม่ ระบุเอลันตร้าการตอบรับดีเตรียมทยอยส่งมอบ พร้อมเล็งทำตลาดรุ่นใหม่ เวโลสเตอร์ ในไตรมาส 3 มั่นใจสิ้นปียอดขายเข้าเป้า 6 พันคัน 
  นายสฤษฎ์พร สกลรักษ์ ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารการตลาด และวางแผนผลิตภัณฑ์ บริษัทฮุนได มอเตอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากทำการเปิดตัว ออล นิว ฮุนได เอลันตร้า ออกสู่ตลาดในเดือนมีนาคมที่ผ่านมาพบว่ามียอดจองเข้ามาแล้วทั้งสิ้นกว่า 100 คัน ซึ่งบริษัทได้พยายามทยอยส่งมอบ แต่เนื่องจากความนิยมของรถรุ่นนี้ทั่วโลกมีเป็นจำนวนมาก ทำให้จำนวนรถที่เข้ามาต้องเป็นไปตามโควตา
 ขณะที่ยอดขายในรุ่นอื่นๆก็ได้รับการตอบรับดีเช่นกัน โดยเฉพาะในรุ่น เอช 1 และแกรนด์ สตาร์เร็กซ์ ซึ่งยอดขายรวมทุกรุ่นในแต่ละเดือนสามารถทำได้ประมาณ 500 คัน  โดยยอดขายรวมตั้งแต่ม.ค. - เม.ย. 2555  พบว่ามีจำนวนทั้งสิ้นกว่า 2,000 คัน  และคาดว่าเมื่อถึงสิ้นปีจะสามารถทำยอดขายได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ 6,000 คัน หรือเติบโตกว่า 30% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
  "เราตั้งเป้ายอดขายเอลันตร้าในช่วงแรก 200 คันต่อเดือน และค่อยๆเพิ่มเป็น 300-400 คัน ซึ่งจริงๆแล้วเราอยากขายมากกว่านี้ แต่ปริมาณยอดที่ผลิตออกมาไม่เพียงพอ โดยรุ่นที่ได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าคนไทยคือรุ่นท็อป ซึ่งแสดงให้เห็นว่าลูกค้าคนไทยยอมจ่ายแพงเพื่อที่จะได้รถที่มีสมรรถนะและความครบครัน"
  นายสฤษฎ์พร กล่าวเพิ่มเติมว่า แผนงานด้านผลิตภัณฑ์ในช่วงปลายปีก่อนงานมอเตอร์เอ็กซ์โป จะได้เห็นรถรุ่นใหม่ ฮุนได เวโลสเตอร์ ที่เป็นรถสปอร์ตคอมแพ็กต์คูเป้ 3 ประตู ซึ่งคาดว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้าพรีเมียม เพราะจากการศึกษาตลาดแล้วพบว่ามีโอกาสดีในการทำตลาดของรถในเซ็กเมนต์นี้ ส่วนรถขนาดเล็กยังคงชะลอแผนออกไป เนื่องจากขายดีมากในตลาดโลก แต่ในตลาดประเทศไทยต้องดูว่าเมื่อนำเข้ามาแล้วราคาสามารถแข่งขันกันได้หรือไม่อย่างไร เพราะหากนำเข้ามาแล้วราคาแพงกว่า ก็ไม่เหมาะสมที่จะนำเข้ามา
 ขณะที่แผนการตลาดในช่วงครึ่งปีหลัง จะมีการจัดกิจกรรมและแคมเปญเพื่อรับกับเทศกาลฟุตบอลแห่งชาติยุโรป หรือยูโร 2012 ซึ่งฮุนไดเป็นผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการในการแข่งขัน โดยรูปแบบของกิจกรรมที่จะจัดขึ้นจะมีทั้งการจับมือกับพันธมิตร เช่น การทายผลชิงรถ, การจัดกิจกรรมในโชว์รูมจำนวน 23 แห่งทั่วประเทศ หรือการทำกิจกรรมกับสื่อมวลชนและลูกค้า
  นายสฤษฎร์พร กล่าวว่า ภาพรวมการแข่งขันในตลาดรถยนต์ครึ่งปีหลังนี้ ถือเป็นปีแห่งการซื้อรถ เพราะนโยบายรัฐบาลที่ออกมามีส่วนช่วยสนับสนุน และแม้ว่าฮุนไดจะไม่มีรถยนต์ที่เข้าร่วมโครงการรถคันแรก แต่ก็ถือว่าได้รับอานิสงส์ในแง่ของกระตุ้นตลาด เพราะนโยบายดังกล่าวส่งผลให้ตลาดมีความเคลื่อนไหว-มีความคึกคักแข่งขันกัน ถือว่าเป็นการส่งสัญญาณทางบวกให้กับตลาด
  ส่วนตลาดในกลุ่มซี-เซ็กเมนต์ หรือรถยนต์นั่งที่ค่อนข้างคึกคักในช่วงหลังก็ถือเป็นการสร้างกระแสให้กับตลาด ในส่วนของฮุนไดถือว่าไม่กระทบเพราะถือว่าเป็นแบรนด์เล็ก มีความแตกต่างกับรถรุ่นอื่นๆ ดังนั้นลูกค้าที่มีรสนิยมชอบความแตกต่าง หรือชื่นชอบสมรรถนะ เมื่อตัดสินใจมาทดลองขับและถูกใจก็จะตัดสินใจเป็นเจ้าของรถ ตรงจุดนี้จึงมองว่าแบรนด์ฮุนไดเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของตลาดมากกว่า